ทำความรู้จัก “สะเต็มศึกษา” ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science หนุนการศึกษาเด็กไทยเชื่อมโยงทุกมิติ

  • 1.5K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

หลังผลสำรวจพบเด็กไทยมีความรู้ลดลงโดยอยู่ในอันดับ 58 ของโลกจากผลสอบ PISA ในปี 2022 ส่งผลให้หลายภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้เด็กไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลักสูตร “สะเต็มศึกษา” (STEM – Science, Technology, Engineering, Mathematics) ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science เพื่อติดอาวุธในทุกมิติของการศึกษา พร้อมขยายผลสู่โมเดลในระดับประเทศและระดับภูมิภาค

 

 

สะเต็มศึกษาเข้าถึงทุกคน

เมื่อพูดถึงสะเต็มศึกษา หลายคนอาจมองว่าเป็นศาสตร์ที่จำกัดเฉพาะสำหรับสายวิทย์เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงใครๆ ก็สามารถเรียนได้ นั่นคือสิ่งที่โครงการ Chevron Enjoy Science ดำเนินการมาตลอด 8 ปี โดยเน้นที่การปลูกฝังแนวคิดใหม่ สร้างจุดเชื่อมโยงให้สะเต็มศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทุกสายอาชีพไม่ว่าจะศาสตร์หรือศิลป์ สานต่อชุดความรู้เพื่อก้าวนำโลกในศตวรรษที่ 21 อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

 

โดย ดร. กฤษฎ์ชัย สมสมาน ผู้อำนวยการ ศูนย์ SEAMEO STEM-ED เล่าถึงความสำเร็จของโครงการ Chevron Enjoy Science ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในการร่วมกันขับเคลื่อนสะเต็มศึกษามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่ส่งผลให้โครงการ Chevron Enjoy Science สามารถสร้างมิติเชื่อมโยงให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าไปพร้อมกัน ตั้งแต่ผู้เรียน ผู้สอน นักการศึกษา ไปจนถึงผู้กำกับนโยบาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมผลักดันให้เกิดผลจริงอย่างเป็นรูปธรรม

ความสำเร็จของโครงการฯ คือการสร้างแนวทางเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวางนโยบายและพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา มีสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการฯ ถึง 724 แห่ง และมีผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 3 ล้านคน ส่งผลให้เกิดจากความร่วมมือของพันธมิตรเครือข่ายถึง 152 องค์กร ไปจนถึงสามารถสร้างการรับรู้ในสาขาอาชีพสะเต็มศึกษาแก่กลุ่มเป้าหมายกว่า 163,635 คน

 

เปิดโครงการย่อยขยายสะเต็มศึกษา

นอกจากโครงการหลักอย่างโครงการ Chevron Enjoy Science ที่เน้นเรื่องสะเต็มศึกษา ยังได้มีการพัฒนาโครงการย่อย STEM Professional Academy ได้พัฒนาหลากหลายมิติของสะเต็มศึกษา อย่างการพัฒนาครูและผู้มีอำนาจบริหารจัดการการศึกษา รวมถึงได้สร้างเครือข่ายบุคลากรทางการศึกษารวมแล้วกว่า 6,500 คน หรือโครงการย่อย STEM Career Academies ซึ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มเส้นทางอาชีพแก่เยาวชนทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 4,000 คน ไปจนถึงโครงการต้นแบบพัฒนาการศึกษาผ่านสื่อการสอนหนังสือภาพอย่าง Picture Books

โดยโครงการย่อย STEM Professional Academy เป็นอีกหนึ่งกลไกในการขยายผลสู่ผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างสร้างสรรค์ โดยขับเคลื่อนภาพรวมในลักษณะ Sandbox ที่นำร่องกับเขตพื้นที่ต่างๆ เพื่อเติมเต็มกระบวนการพัฒนาผู้เรียนและผู้สอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการย่อยฯ ได้เสริมศักยภาพการจัดการเรียนการสอนให้แก่ครูแล้วกว่า 5,000 คน

 

 

และครูกว่า 96% สามารถใช้กลยุทธ์การตั้งคำถามระหว่างการสอน ทำให้เด็กๆ กล้าแสดงออกและถกประเด็นต่อยอดได้จนกลายเป็นวิถีใหม่ในห้องเรียน และสร้างวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งให้ครูได้มีโอกาสพัฒนาตนเองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนในวันนี้กลายเป็นกระบวนการสำคัญที่ได้รับการบรรจุในหลักสูตรที่ครูต้องปฏิบัติและสร้างการต่อยอดในเชิงนโยบาย ทั้งด้านหลักการประเมินครูและผู้บริหาร จนทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนและการเปิดใจให้ครูในหลากหลายพื้นที่ยอมรับและปรับการสอนเข้ากับแนวคิดดังกล่าวมากขึ้น

 

พัฒนาเส้นทางอาชีพของเยาชน

ขณะที่โครงการย่อย STEM Career Academies จะเน้นการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้เยาวชนค้นพบเส้นทางอาชีพด้านสะเต็ม เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เน้นการพัฒนาทักษะอาชีพผ่านประสบการณ์ทำงานจริง ด้วยหลักสูตรฝึกอบรม 14 หลักสูตร อาทิ จับมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนา 6 หลักสูตรระยะสั้นเพื่อเตรียมพร้อมเยาวชนสำหรับสายอาชีพด้านสุขภาพ ไปจนถึงร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อขับเคลื่อนโครงการนำร่องสำหรับสายอาชีพด้านการเกษตรอัจฉริยะร่วมกับ 6 โรงเรียนในภาคเหนือ และมีแผนขยายโครงการไปอีก 340 โรงเรียนทั่วประเทศ

 

 

โดยผลตอบรับของโครงการฯ พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 33% ได้รับข้อเสนอเข้าทำงาน และอีก 67% สามารถศึกษาต่อในด้านที่ตนเองสนใจ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มองเห็นเส้นทางของอาชีพสาขาสะเต็มที่กว้างขึ้น โดยโครงการย่อยฯ ยังมีแผนพัฒนาร่วมกับพันธมิตรนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนผลการวิจัยและต่อยอดทุนการศึกษาสำหรับการฝึกอบรมวิชาชีพอีกด้วย

ในอนาคตอาชีพของสาขาสะเต็มจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การส่งเสริมทักษะสะเต็มให้ครอบคลุมนักเรียนทุกกลุ่มอย่างโครงการย่อย STEM for Non-STEM Students จึงมีความสำคัญเพื่อให้สามารถนำไปสู่แต่ละสายอาชีพ ทำให้ต้องสร้างระบบนิเวศทางการศึกษาให้เกิดแรงบันดาลใจด้านสะเต็มให้เด็กๆ สามารถค้นหาตนเองได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น และพร้อมขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับภูมิภาคได้อย่างก้าวกระโดด

 

แก้ปัญหาเด็กไทยไม่อ่านหนังสือ

การอ่านและการตีความถือเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ นอกจากการฝึกอบรมผู้สอนและพัฒนาผู้เรียนแล้ว การพัฒนาสื่อยังเป็นเครื่องมือสำคัญของการสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจในการเรียน พร้อมยกระดับการเรียนรู้ด้านสะเต็มให้ก้าวไปอีกขั้น ผ่านโครงการ Picture Books ที่ใช้หนังสือภาพเพื่อเสริมสร้างความคิดอย่างมีวิจารณญาณและการอ่านอย่างมีความหมาย ช่วยเปิดพื้นที่ให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาได้พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ผ่านการใช้หนังสือภาพ

 

 

ปัญหาของเด็กไทยส่วนใหญ่ที่พบ คือ อ่านออกเสียงได้แต่ไม่สามารถเข้าใจหรือตีความสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวหนังสือได้ โครงการย่อย Picture Books จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนากระบวนการคิดให้กับนักเรียนได้ฝึกคิดอย่างมีวิจารณญาณ ผ่านการสอนของครูที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ ผ่านการตั้งคำถามปลายเปิดให้เด็กๆ ได้คิดอย่างอิสระ ด้วยกระบวนการสอนนี้จะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การอ่านอย่างมีความสุขและอ่านเพื่อค้นหาความหมาย

ถือเป็นรากฐานสำคัญที่สามารถต่อยอดการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงวิชาอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปีนี้ โครงการย่อยฯ มีแผนจัดทำคู่มือการสอนโดยใช้หนังสือภาพ เพื่อเผยแพร่ให้นักการศึกษาใช้ฝึกอบรมครูเพื่อขยายผลต่อไป

 

สะท้อนความร่วมมือของพันธมิตร

คุณปฏิเวธ บุณยะผลึก รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัดสะท้อนให้เห็นความสำเร็จของโครงการ Chevron Enjoy Science ไม่เพียงแต่เป็นการวัดผลเชิงตัวเลข แต่ในฐานะบริษัทด้านพลังงานระดับโลกที่เชื่อมั่นในพลังคนอย่างเชฟรอน ได้เล็งเห็นความสำเร็จในระดับมหภาคที่ได้สร้างบุคลากรที่เปี่ยมไปด้วยทักษะด้านสะเต็มศึกษาและขยายเครือข่ายกว้างไกลยิ่งขึ้น

จากงาน STEM Synergy for Transforming the Future of Education ที่ช่วยให้เห็นจุดเริ่มต้นก้าวใหม่ของสะเต็มศึกษาที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่เชฟรอนและพันธมิตรได้ร่วมขับเคลื่อนและพัฒนามาจากผลสำเร็จของความจริงจัง วันนี้เป็นอีกความสำเร็จที่ได้เห็นภาครัฐ ภาคเอกชน พร้อมทั้งหน่วยงานด้านการศึกษาทั้งประเทศไทยและภูมิภาค สนใจเข้าร่วมรับฟังแนวทางและผลสำเร็จของโครงการในงานนี้ และจะเป็นโมเดลสำคัญที่ภาคการศึกษาจะสามารถนำไปต่อยอดและส่งเสริมนโยบายต่างๆ ต่อไปในอนาคต

 

 

ปลายทางของโครงการฯ เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นใหม่ของภาพความสำเร็จ โดยหลากหลายหน่วยงานได้นำโมเดลศึกษาจากโครงการฯ ไปต่อยอดในระดับที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คุรุสภา และ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่นำโมเดลความสำเร็จไปช่วยปลดล็อกยกระดับการผลิตครูมืออาชีพยุคใหม่ และหน่วยงานภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศสานต่อโมเดลสร้างอาชีพ STEM Career Academies

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังได้นำรูปแบบวิจัยห้องเรียนโดยการอัดวิดีโอการสอนเพื่อใช้ในการประเมินครูอีกด้วย จะเห็นได้ว่าผลสำเร็จของโครงการฯ ในวันนี้ จะแปรเปลี่ยนสู่บันไดขั้นถัดไปของการพัฒนาสะเต็มศึกษาในระดับมหภาคที่ช่วยขับเคลื่อนโลกได้อย่างยั่งยืนในวันข้างหน้า

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการฯ ได้ที่ www.chevronenjoyscience.com/th

 


  • 1.5K
  •  
  •  
  •  
  •