ครั้งแรกของไทย ประกันรถเปิดปิด กับแผนคุ้มครองนาน 2 ปี ผ่าเครื่องไทยวิวัฒน์สู่การเป็น InsurTech ที่คิดเผื่อเพื่อทุกคนผ่านบริการต่างๆ ภายใต้การดำเนินงานแบบ Customer Centric

  • 213
  •  
  •  
  •  
  •  

 

“ยิ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเร็วเท่าไหร่ เรายิ่งต้องก้าวให้เร็วมากขึ้นเท่านั้น” นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องวิ่งตามเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างเราๆ และที่เห็นเด่นชัดมากที่สุดในตอนนี้ก็น่าจะเป็นอุตสากรรมด้านการประกันภัยที่แน่นอนว่าหลายแบรนด์มีการปรับตัวค่อนข้างมากเพื่อพัฒนาทั้งโปรดักส์และเซอร์วิสให้ครองใจผู้บริโภคได้มากที่สุด

นั่นจึงทำให้ประกันภัยหลายๆ เจ้าพยายามที่จะพัฒนา โดยการนำ Pain Point ของผู้บริโภคมาเป็นโจทย์หลักในการพัฒนาภายใต้รูปแบบ InsurTech โดยเฉพาะ “ความคุ้มค่า” ที่เป็นอีกหนึ่ง Pain Point สำคัญที่ต้องคำนึงถึง และหากนึกถึง InsurTech แถมด้วยความคุ้มค่า คงต้องคิดถึง ประกันภัยไทยวิวัฒน์ นั่นเพราะเป็นบริษัทประกันภัยเจ้าแรกๆ ที่มีแนวคิดและวิสัยทัศน์ด้านการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการ รองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ผ่านเทคโนโลยี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คิดเผื่อทุกวินาที คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต”

  

ถอดแนวคิดไม่เคยหยุด…เพื่อทุกชีวิต (Never Stop Innovating)

แน่นอนว่าการให้บริการที่ตรงใจผู้บริโภคไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งหนึ่งที่ประกันภัยไทยวิวัฒน์มักจะย้ำเสมอ คือการตอบสนองความต้องการของลูกค้า นั่นจึงเป็นต้นกำเนิดของประกันรถเปิดปิด เนื่องจากลูกค้ามองว่า ส่วนใหญ่รถเน้นจอดหรือเดินทางระยะสั้น โอกาสหรือความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ต้องน้อยตามมา แล้วทำไมต้องจ่ายราคาเดียวกับคนที่ใช้รถบ่อยๆ เดินทางไกลที่มีความเสี่ยงสูงกว่า

นั่นเป็นผลมาจากการที่ประกันภัยไทยวิวัฒน์ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาการให้บริการ ภายใต้ 3 แกนหลักไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การไม่เคยหยุดคิด (Thinking) โดยจะคิดถึงบริการใหม่เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ไม่เคยหยุดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Creative) เพื่อให้ลูกค้าคุ้มค่ามากที่สุด และไม่เคยหยุดให้คืน (Giving) เพื่อพัฒนาสังคมและอนาคตในการพัฒนาของประเทศ

ทั้ง 3 แกนหลักนี้ เมื่อนำมารวมกันจึงกลายเป็นแนวคิดที่ทำให้ประกันภัยวิวัฒน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแง่ของ InsurTech อย่างการเปิดบริษัทลูกอย่าง MARS ที่จะเน้นในการพัฒนาแอปฯ และเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาช่วยลดเวลาและความยุ่งยากในด้านการเคลมประกัน

 

คุณเทพพันธ์ อัศวะธนกุล  รองกรรมผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)

 

 “ในการที่เราจะเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องได้ สิ่งที่เราต้องทำอย่างไม่หยุดยั้งคือการคิด เราต้องมี Mindset ที่เชื่อว่าเราเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว สามารถที่จะรับรู้สิ่งใหม่ๆ คิดสิ่งใหม่ๆได้เรื่อยๆ และนอกจากการคิดเราต้องลงมือทำ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภคให้ได้ และนอกจากการคิดและทำแล้ว เราต้องไม่หยุดที่จะให้คืนต่อผู้บริโภค สังคมและอนาคตของประเทศเราด้วย “ เทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

 

เปิด 4 โซลูชันเพิ่มความคุ้มค่าอีกระดับ  

เพราะประกันภัยไทยวิวัฒน์ “คิดเผื่อทุกวินาที คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” จึงย้อนกลับมาดูว่า แล้วบริการที่มีอยู่ตอบโจทย์ความต้องการแล้วหรือยัง และก็ทำให้รู้ว่าถึงแม้จะมีประกันรถเปิดปิดอยู่แล้ว แต่ผู้บริโภคก็ยังรู้สึกอยากคุ้มค่ามากกว่านี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์เลยจัดให้กับ 4 โซลูชันที่จะมาเพิ่มความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Product, Feature, Service และ Experience

โดยในด้าน Product ต้องบอกว่า ที่ผ่านมาแม้ลูกค้าจะชอบความคุ้มค่าของประกันรถเปิดปิด แต่เพื่อให้ครอบคลุมระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ส่งผลให้ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มองหาประกันรูปแบบใหม่ จนเกิดเป็นประกันภัยเปิดปิด แบบ Top-up แผน ความคุ้มครองนาน 2 ปี ที่ให้ทั้งความคุ้มค่ามาพร้อมกับระยะความคุ้มครองที่นานมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

 

(ตารางเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up แผนความคุ้มครอง 2 ปี)

 

ด้วยรูปแบบประกันภัยดังกล่าว จะมีระยะเวลาความคุ้มครองสูงสุดนานถึง 2 ปี (730 วัน) โดยให้ความคุ้มครองเริ่มต้น 70 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประกันภัยรถยนต์รายปีทั่วไป จะช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าเบี้ยสูงสุดถึง 80% ตัวอย่างเช่น อัตราค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 รายปี ทุนประกันภัย 500,000 บาท เบี้ยประกันภัยที่เราจะต้องจ่าย จะอยู่ที่ประมาณ 24,300 บาท แต่ถ้าเป็นแผนประกันรถยนต์เปิดปิด แบบ Top-up ประเภท 1 คุ้มครอง 70 ชั่วโมง (730 วัน)  ทุนประกัน 500,000  บาท ค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 9,900 บาท (เฉลี่ย 1 ปี เราจะได้จ่ายค่าเบี้ยประกันเพียง 4,950 บาทต่อปีเท่านั้น  (อ้างอิงจาก การเปรียบเทียบกับค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์รายปี ชั้น 1 ยี่ห้อ MG ทุน 500,000 บาท) ถือว่าเป็นประกันภัยที่ให้ลูกค้าจ่ายเบี้ยที่ลดลงแต่ให้ความคุ้มครองที่ยาวนานขึ้น  และยังคงคอนเซ็ปต์ไม่ขับไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้อย่างตรงจุดกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน

และเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการทำประกันภัย ไทยวิวัฒน์ จึงมองหา Pain Point ของลูกค้าเพื่อความสมบูรณ์ของบริการประกันภัยที่ดีที่สุด นั่นจึงทำให้ประกันภัยไทยวิวัฒน์ส่ง Feature ใหม่สำหรับการเติมชั่วโมงอัตโนมัติในประกันรถเปิดปิดแผนความคุ้มครอง 2 ปีแบบ Top-up

โดยลูกค้าประกันภัยไทยวิวัฒน์สามารถสมัครใช้ฟีเจอร์บริการ Auto Top-up ผ่านแอปฯ Thaivivat ซึ่งหากระบบตรวจสอบพบชั่วโมงใกล้หมด ระบบจะทำการเติมชั่วโมงให้แบบอัตโนมัติ โดยหักค่าเบี้ยประกันภัยจากบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับแอปฯ โดยเติมทันที 70 ชั่วโมงเริ่มต้นเพียง 650 บาท

 

 

นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้เคลมประกันเร็วขึ้น

ประกันรถเปิดปิดแบบ Top-up แผนความคุ้มครอง 2 ปี นอกจากสร้างความว้าวให้กับวงการ InsurTech ประกันภัยไทยวิวัฒน์มีการลงทุนในบริษัท Startup ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI อย่าง Motor AI Recognition Solution หรือเรียกสั้นๆ ว่า MARS โดยมีการพัฒนา AI Solution เพื่อใช้ในการตรวจสอบวิเคราะห์และประเมินความเสียหายภายใต้โซลูชันในด้าน Service  

โดยครั้งนี้มีการเปิดตัวโซลูชัน MARS Garage โดยเป็นโซลูชันที่จะช่วยให้อู่ซ่อมรถสามารถแจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประเมินค่าซ่อม ค่าแรง ค่าอะไหล่ โดยใช้เทคโนโลยี AI มาประเมินความเสียหาย

ซึ่ง MARS Garage ช่วยลดระยะเวลาในการประเมินราคาค่าซ่อมของอู่ซ่อมรถ ซึ่งจะช่วยให้ประกันภัยไทยวิวัฒน์สามารถอนุมัติการซ่อมได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และความถูกต้องแม่นยำของการตรวจสอบผ่านเทคโนโลยี AI ยังช่วยลดระยะเวลา เมื่อเทียบกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีจาก MARS อย่าง MARS Inspect โดยเป็นเทคโนโลยีที่ช่วย ตรวจสอบสภาพรถของลูกค้ารายใหม่ที่จะเข้ามาทำประกันภัยกับไทยวิวัฒน์ ช่วยให้ไม่ต้องนัดเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสภาพรถ โดยสามารถใช้แอปฯ MARS Inspect ได้ทันที ที่สำคัญระบบ AI ยังช่วยวิเคราะห์ได้แบบ Real-time เพิ่มความถูกต้องในการให้บริการ

ไม่เพียงเท่านี้หากเกิดอุบัติเหตุลูกค้าประกันภัยไทยวิวัฒน์ ไม่จำเป็นต้องโทรเข้ามาแจ้งที่ศูนย์รับเรื่อง โดยลูกค้าสามารถเปิดแอปฯ Thaivivat เพื่อทำการแจ้งเหตุพร้อมเปิดระบบ GPS  โดยระบบจะทำการส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็วที่สุด และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายแล้วเสร็จจะทำการส่งใบเคลมประกันออนไลน์ ลูกค้าสามารถนำใบเคลมประกันไปแสดงต่ออู่ซ่อมรถเพื่อเข้ารับบริการได้ทันที จุดนี้ทำให้มองได้ว่าประกันภัยไทยวิวัฒน์ ตอบโจทย์ยุคสมัยใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ยุค Paperless ที่ย่นระยะเวลาการบริการ ไม่ต้องพกเอกสารให้ยุ่งยากมากมาย

 

 

สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าไทยวิวัฒน์

นอกจากประกันรถเปิดปิดแบบ Top-up  แผนความคุ้มครอง 2 ปี ที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มครองที่คุ้มค่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังมุ่งเน้นในโซลูชันด้าน Experience ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ ในด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็น “ประกันสุขภาพ Active Health” ที่เรียกว่ามาในรูปแบบของ “Fit to Earn” โดยจ่ายเบี้ยประกันรายเดือนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 990 บาท

และเมื่อสมัครประกันสุขภาพ Active Health ลูกค้าจะได้รับ Smartwatch เพื่อใช้ในการตรวจสอบการออกกำลังกาย ยิ่งออกกำลังกายดูแลตัวเองมากเท่าไหร่ เบี้ยประกันก็ยิ่งลดลงสูงสุด 40% และเพื่อให้ครอบคลุมการออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ ประกันสุขภาพ Active Health จึงดูแลคุ้มครองทุกสถานการณ์ ทั้งอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา รวมไปถึงกีฬา Extreme

นอกจากนี้ยังให้ประสบการณ์การเดินทางแบบไร้กังวลผ่าน “ประกันเดินทางต่างประเทศพลัส เปิด-ปิด” ที่ให้จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามวันเดินทางจริง เดินทางเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น วันเหลือก็สามารถเก็บไว้ใช้ทริปต่อไปได้ รวมถึงสามารถ Top-up วันเดินทางได้ง่ายๆ แม้อยู่ต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับทุกประสบการณ์การเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางแบบสบายๆ หรือท่องเที่ยวสนุกกับกิจกรรมอย่างดำน้ำ เล่นสกี หรือบันจี้จัมพ์ ก็ให้ความคุ้มครอง รวมถึงดูแลทุกปัญหาขณะเดินทาง เช่น การล่าช้าของเที่ยวบิน การสูญหายหรือเสียหายของสัมภาระ แม้แต่การสูญหายของเงินพกติดตัวหรือหนังสือเดินทาง และอุ่นใจตลอดทริประหว่างที่อยู่ต่างประเทศกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยมีทีมแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญให้บริการประจำพื้นที่อยู่ทั่วโลก ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วยสูงสุดถึง 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั่วโลก นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางวัยเด็กไปจนถึงนักเดินทางสูงวัย ก็สามารถทำประกันเดินทางได้ไม่จำกัดอายุ และไม่จำกัดประเทศจุดหมายปลายทาง รวมถึงคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทันตกรรมที่ต่างประเทศเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอีกด้วย

แถมด้วยบริการที่จอดรถส่วนตัวในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัล และ HAUP CAR กับ Thaivivat Parking รวมถึงบริการล้างรถฟรีโดย Wizard Car Wash และ Instawash สำหรับลูกค้าประกันภัยรถยนต์ บริการคลาสออกกำลังกายสุด Exclusive กับ WE Fitness สำหรับลูกค้าประกันสุขภาพและส่วนลด AIS Sim2Fly สำหรับลูกค้าประกันเดินทาง เป็นต้น

 

ดึงอาเล็กตอกย้ำประกันที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า

และเพื่อให้ประกันภัยไทยวิวัฒน์ผู้นำด้าน Insure Tech เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและให้เห็นภาพความคุ้มครองที่คุ้มค่า จึงได้เลือก อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ นักแสดงชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับประกันภัยไทยวิวัฒน์ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่ตอกย้ำแนวคิด “คิดเผื่อทุกวินาที คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต”

โดยในภาพยนตร์โฆษณา อาเล็กจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการพาทุกคนไปรู้จักกับประกันทั้ง 3 รูปแบบ ทั้งประกันรถเปิด-ปิดแผนคุ้มครอง 2 ปี ประกันสุขภาพ Active Health และประกันเดินทางแบบเปิด-ปิด โดยนำเสนอจุดเด่นของแต่ละรูปแบบประกัน

นอกจากนี้อาเล็กยังนำเสนอถึงความเสี่ยง ที่ทุกวินาทีอาจจะต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งการประกันภัยจะช่วยลดความเสี่ยงและชดเชยกรณีที่เกิดความเสี่ยง ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องของอนาคต

 

หนังโฆษณาชุด “คิดเผื่อทุกวินาที คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต”

 

InsurTech ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ได้ผลจริง

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คงต้องสรุปว่า สิ่งสำคัญที่ประกันภัยไทยวิวัฒน์เน้นอย่างมากคือ การนำเทคโนโลยีมาช่วยเสริมเรื่องของความคุ้มค่าและความคุ้มครอง โดยเฉพาะการมีเทคโนโลยีอย่าง TVI Connect ที่จะทำงานและส่งสัญญาณเมื่อบิดกุญแจสตาร์ทรถ ถือเป็นการเปิดบริการประกันภัย และเมื่อดับเครื่องยนต์ก็จะหยุดทำงานถือเป็นการปิดบริการประกันภัย แต่ยังคงคุ้มครองรถยนต์ต่อเนื่องตลอด 24 ชม.รวมไปถึงประกันอื่นๆ ที่เน้นความคุ้มค่าผสานเทคโนโลยีอย่างประกันสุขภาพ Active Health ที่เก็บข้อมูลการออกกำลังกายผ่าน Smartwatch เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลดเบี้ยประกัน หมายความว่ายิ่งออกกำลังกายยิ่งซื้อประกันได้ถูกลง ยิ่งไปกว่านั้นคือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสานอย่างแอปฯ MARS ที่ช่วยให้บริการเร็วในรูปแบบ Paperless ไม่ต้องกลัวว่า ใบเคลมจะเสียหายหรือสูญหาย และสามารถเรียกใบเคลมกลับมาได้

นอกจากนี้เทคโนโลยียังสร้างประสบการณ์ความรวดเร็วในการรับบริการ ซึ่งความรวดเร็วถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะเวลาทุกวินาทีมีความหมาย เห็นได้จากภาพยนตร์โฆษณาที่เปิดฉากด้วยเวลา ชี้ให้เห็นถึงเวลาเป็นเรื่องสำคัญ และยังตรงกับแนวคิดที่คิดเผื่อเพื่อให้ทุกวินาทีมีความคุ้มค่ามากที่สุดและยังต้องคุ้มครองทุกสถานการณ์

เรียกได้ว่าเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการทำธุรกิจประกันได้อย่างชัดเจนและเห็นผลลัพธ์ของการใช้งานได้ ถือเป็นสิ่งที่ไทยวิวัฒน์มองความต้องการและ Pain Point ของตลาดได้ถูกจุด เพราะเทคโนโลยีนอกจากเข้ามาตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็วในการให้บริการ ยังช่วยให้ไทยวิวัฒน์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญยังช่วยให้ไทยวิวัฒน์สามารถนำเสนอบริการและสิทธิพิเศษที่ลูกค้าต้องการจริงในรูปแบบ Personalized ผ่านการวิเคราะห์ Data นั่นหมายถึงไทยวิวัฒน์พร้อมเสนอบริการที่ลูกค้าในเวลาที่ต้องการได้ทันที ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพความเป็น InsurTech ของไทยวิวัฒน์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ที่สำคัญไทยวิวัฒน์ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่มตั้งแต่กลุ่มที่ต้องการความมั่นใจในการใช้ประกัน ไปจนถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่สายดิจิทัลเทคโนโลยีได้

โดยผู้ที่สนใจทำประกัน หรือต่ออายุประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up แผนคุ้มครอง 2 ปี ทุกประเภท ภายในวันที่ 4 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2565 จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสูงสุด 1,000 บาท พร้อมรับชั่วโมงการใช้งานเพิ่มฟรี 20 ชั่วโมง เมื่อสมัคร Auto Top-up รวมถึงยังได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายโดยสามารถเช็กสิทธิผ่านแอปพลิเคชันThaivivat

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaivivat.co.th

สนใจรายละเอียด ประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up แผนความคุ้มครอง 2 ปี
คลิก https://thaivivat.info/3FJENGf  หรือโทร.02-200-7000

  • 213
  •  
  •  
  •  
  •