TOYOTA ปล่อยแคมเปญเด็ด ให้ขับ C-HR กลับบ้านไปทดลองใช้นาน 5 วันบนการใช้จริงในชีวิตประจำวัน

  • 14.5K
  •  
  •  
  •  
  •  

มาถึงตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก TOYOTA C-HR ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่สวยงาม ขับขี่คล่องตัว เหมาะกับการใช้ในเมือง และยังมีระบบ HYBRID ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในระยะทางไกลและยังช่วยประหยัดน้ำมันไปในตัว เห็นได้ชัดจากปริมาณรถยนต์ TOYOTA C-HR ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในประเทศไทย ซึ่งเป็นเครื่องการันตีได้ว่า TOYOTA C-HR คือรถ SUB COMPACT SUV ยอดนิยมของประเทศไทย

ซึ่งใครที่สนใจรถยนต์ TOYOTA C-HR สามารถหาอ่านรีวิวได้จากอินเทอร์เน็ต แต่แม้จะอ่านรีวิวมากเพียงใดก็ตามก็คงไม่เท่ากับการได้ทดลองขับ TOYOTA C-HR จริงบนถนนจริง ซึ่งช่วยให้เกิดประสบการณ์และสัมผัสการขับขี่บนรถยนต์ TOYOTA C-HR ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องเสียเวลาอ่านรีวิว และ TOYOTA เองก็ทราบดีว่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงสำคัญกว่าการอ่านรีวิว

นั่นจึงทำให้ TOYOTA เกิดแคมเปญสุดว้าวกับ C-HR TEST USE ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจและผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์ได้ทดลองใช้รถ TOYOTA C-HR เป็นเวลา 5 วัน ในรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ ไม่ใช่แค่การทดลองขับช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไปสุดแยกไฟแดงหน้า 500 เมตรแล้วเลี้ยวรถกลับมา หรือการกำหนดเส้นทางเช่นในสนามทดสอบ ซึ่งจะไม่สามารถทำให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงสมรรถนะและประสิทธิภาพที่แท้จริง และรับรู้มากกว่าที่เคยเชื่อ #Thisisnewbelief

เพราะรูปแบบการใช้งานรถยนต์ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน แคมเปญนี้จึงเปิดโอกาสให้สามารถนำรถ C-HR กลับไปใช้งานได้นานถึง 5 วัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความชาญฉลาดของ TOYOTA ที่ให้ลูกค้าได้ทดลองจนรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ และรู้สึกผูกพันในการเป็นเจ้าของ แน่นอนว่าแคมเปญนี้จะช่วยให้การตัดสินใจของลูกค้าง่ายขึ้น

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของตลาดรถยนต์ในเมืองไทย ที่มีการเปิดโอกาสให้นำรถยนต์กลับบ้านไปเพื่อทดลองใช้โดยที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าการจะซื้อสินค้าอะไรในปัจจุบัน มักจะต้องมีการหาข้อมูลก่อน และข้อมูลส่วนใหญ่คือการอ่านจากประสบการณ์ของคนอื่นๆ และเมื่อสนใจก็ต้องไปหาประสบการณ์จริง ซึ่งมันอาจจะเป็นแค่ประสบการณ์ที่ถูกจัดให้เชื่อ ทั้งหมดนี้เรียกว่า Customer Journey

หลายธุรกิจจึงพยายามหา Journey ของลูกค้าแต่ละรายเพื่อสร้างความผูกพัน แคมเปญ C-HR TEST USE ก็เป็นส่วนหนึ่งใน Journey ของลูกค้า แต่จะกลายเป็นทางลัดไปสู่การตัดสินใจของลูกค้าได้เลย ถือเป็นความกล้าอย่างมากของ TOYOTA ที่กล้าปล่อยรถให้นำกลับบ้านไปใช้งานนานสูงสุดถึง 5 วัน ที่สำคัญแคมเปญนี้ถือเป็นเฟส 2 หลังจากในเฟส 1 ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจนเกินคาด โดยกลายเป็นกระแสทางโซเชียลมีเดียที่ลูกค้าต้องการทดลองใช้และเรียกร้องให้มีการจัดกิจกรรมนี้อีก

ซึ่งเสียงตอบรับส่วนใหญ่พูดถึงความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ช่วยให้การขับขี่ในเมืองสะดวกและปลอดภัย จนผู้ทดลองใช้บางรายถึงขั้นไม่อยากคืนรถและต้องการซื้อรถ C-HR มาใช้งานจริง

ขณะที่ผู้ใช้บางรายทดลองขับ TOYOTA C-HR  ไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุด  ซึ่งผลตอบรับส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงสมรรถนะที่ดีเกินคาดในการเดินทางไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องยนต์ไฮบริดที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำความเร็วและการใช้งาน แถมยังประหยัดน้ำมันได้ถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร

นอกจากการสร้างประสบการณ์ใช้งานจริงและสร้างความผูกพันแล้ว ผู้ที่ผ่านโปรแกรมการทดลองใช้รวมไปถึงผู้ใช้งานจริงจะกลายเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญในการกล่าวแบบ “ปากต่อปาก” ถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะ แน่นอนว่า Influencer น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหนก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เพื่อนมาเล่าให้ฟัง หรือญาติมาเล่าให้ฟัง เพราะยังไงก็ตามเพื่อนและญาติก็ยังมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด

ไม่เพียงเท่านี้ แคมเปญ C-HR TEST USE ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีที่เรียกว่า TNGA ที่หลายคนคงเคยได้ยิน แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งผู้เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับรู้ถึงความนุ่มนวลและความคล่องตัวทุกการขับขี่ และอีกสิ่งที่ผู้เข้าร่วมแคมเปญเห็นได้ชัดคือการดีไซน์ให้เสา A เล็กลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การมองเห็นให้มากขึ้น

รวมไปถึงเครื่องยนต์ไฮบริดที่เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ขนาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีและยังประหยัดน้ำมันสุดๆ ที่สำคัญผู้เข้าร่วมแคมเปญยังสามารถสัมผัสถึง Toyota Safety Sense เทคโนโลยีความปลอดภัยที่บอกตรงๆ ว่า เป็นเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ระดับหรู ทั้งระบบเตือนและดึงพวงมาลัยกลับเมื่อออกนอกเลน ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีสิ่งกีดขวางเพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ

และที่ดูเหมือนผู้เข้าร่วมแคมเปญชอบมากคือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่สามารถตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าได้ถึง 3 ระดับ เจ๋งที่สุดเมื่อมีรถคันอื่นมาแทรกกลางระบบจะลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างตามที่กำหนด และเมื่อรถที่มาแทรกจากไประบบจะทำการเร่งเครื่องอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างตามที่กำหนด และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ เมื่อมีการตรวจจับแสงไฟจากรถสวนทางด้านหน้า ระบบจะปรับเป็นไฟต่ำอัตโนมัติ และเมื่อรถสวนทางผ่านไประบบจะปรับไฟสูงกลับมาอัตโนมัติเช่นกัน

นั่นเท่ากับ TOYOTA สามารถสื่อสารข้อมูลที่สำคัญผ่านการทดสอบจริงกับผู้ใช้งานจริง และนั่นคือสิ่งที่ผู้คนในโลกโซเชียลต้องการทราบข้อมูลเหล่านั้น ของแถมอีกขั้นคือเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ถูกแชร์หรือถูกไลค์ออกไป ก็เท่ากับเป็นการกระจายข้อมูลข่าวสารไปในตัว

งานนี้บอกได้เลยว่าสิ่งที่ TOYOTA ทำ กำลังสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการทำการตลาดรถยนต์ในยุคใหม่ ที่เน้นถึงความต้องการของผู้บริโภค ประสบการณ์จริงของการใช้งาน ไม่ใช่การนำเสนอคุณสมบัติของเครื่องยนต์หรือตัวรถยนต์เพียงอย่างเดียว และนั่นหมายความว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ TOYOTA ก็อาจจะมีแคมเปญในลักษณะของการสร้างประสบการณ์การขับขี่ออกมาอีกด้วยเช่นกัน

ซึ่งถือเป็นสิ่งดีที่ผู้บริโภคมีโอกาสได้ทดลองใช้รถจริงในชีวิตประจำวัน เพราะการได้ทดลองใช้หมายถึงการได้ลองแล้วว่ารถยนต์มีประสิทธิภาพเต็ม 100% ช่วยเสริมความมั่นใจและลดความกังวลในการตัดสินใจซื้อ

สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมแคมเปญทดลองใช้ที่ผ่านมา ตอนนี้ C-HR Test-Use Phase II ได้มีการขยายระยะเวลากิจกรรมต่อที่โชว์รูมโตโยต้าทั้งหมด 59 ที่ทั่วประเทศ ซึ่งกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – วันที่ 25 ธันวาคม 2562 หากใครสนใจสามารถเข้าไปร่วมลงทะเบียนได้ที่ https://www.toyotaactivity.com/CHR_testuse/

อีกทั้งเดือนนี้ โตโยต้ายังจัดแคมเปญพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์ TOYOTA C-HR HYBRID รับดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% นาน 4 ปี หรือ ซื้อ C-HR รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 4 ปี  ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคมนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.toyota.co.th/c-hr/


  • 14.5K
  •  
  •  
  •  
  •