ตลอดระยะเวลามากกว่า 100 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม และการพัฒนารถยนต์คันแรกของโลก พลังงานกลายเป็นสิ่งสำคัญของโลกใบนี้ แม้จะมีประโยชน์มากมายมหาศาล แต่สิ่งที่เป็นผลพลอยได้แม้ไม่อยากได้คือมลภาวะ จนกระทั่งอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง “อัล กอร์” ที่ออกมาตื่นตัวในเรื่องของ Climate Change ที่มีมลภาวะเป็นตัวการสำคัญ
นับตั้งแต่นั้นมา เรื่องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นวาระของโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ถือเป็นเป้าสำคัญในการลดมลพิษจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลกอย่าง “โตโยต้า (TOYOTA)” ที่เปิดตัวแคมเปญ “ลดเปลี่ยนโลก กับโตโยต้า” เพื่อเชิญชวนให้คนรักษ์โลกจากทั่วประเทศมาร่วมมือกัน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกน่าอยู่ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์การลดใช้พลังงานแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ
ผลสำเร็จของซีซันแรกต่อยอดรักษ์สิ่งแวดล้อม
นับตั้งแต่ปี 2019 โตโยต้าได้ริเริ่มและมุ่งมั่นดำเนินแคมเปญ “ลดเปลี่ยนโลก กับโตโยต้า” มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นอีกหนึ่งแคมเปญเผยแพร่องค์ความรู้และกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ “โตโยต้าเมืองสีเขียว เพื่อธรรมชาติ เพื่อทุกชีวิต” ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนด้วยดีมาโดยตลอด
ส่งผลให้ในแคมเปญฯ ซีซันแรก มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 30,000 คน และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งไปได้ถึง 33,707 กิโลกรัม ประกอบกับความต้องการลดมลภาวะที่เกิดขึ้นต่อโลกและแนวคิดในการสร้างสังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Society) โตโยต้าจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการในทุกกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการจัดกิจกรรมสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของผู้คนในสังคม พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นเมืองสีเขียว และตอกย้ำเป้าหมายสำคัญของโตโยต้า ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน
4 รูปแบบกิจกรรมสู่การลดเปลี่ยนโลก
สำหรับแคมเปญ “ลดเปลี่ยนโลก กับโตโยต้า” ในซีซันสองนี้ ยังคงเน้นไปที่เรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 22 เมษายน ถึง 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา และยังคงได้รับความสนใจโดยมีจำนวนผู้ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 21,656 คน และเกิดกิจกรรมต่างๆ ในโครงการฯ รวม 51,486 ครั้ง ผ่าน 4 รูปแบบการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ไม่ว่าจะเป็น การประหยัดน้ำประหยัดไฟ โดยมีเป้าหมายในการลดค่าใช้จ่ายการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาลงในแต่ละเดือน, การพกถุงผ้าหรือถุงกระดาษ โดยเป็นการร่วมมือกับ Tops Market ด้วยการไม่รับถุงพลาสติกเมื่อไปช้อปปิ้ง, การเดินทาง โดยเลือกเติมน้ำมันพลังงานทางเลือก เช่น E20, E85, B7, B10, B20 ที่นอกจากลดการนำเข้าน้ำมันและช่วยเหลือเกษตรกร และการสั่งอาหารผ่านแอปฯโดยเป็นความร่วมมือกับแอปฯ อย่าง Grab โดยเลือกกดไม่รับช้อน ส้อม หลอดพลาสติกจากร้านค้า
โดยทั้ง 4 รูปแบบล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่สามารถทำเองได้แม้จะสิ้นสุดแคมเปญฯ ไปแล้ว เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายสูงสุดที่โตโยต้าวางไว้เช่นในโครงการซีซันแรกที่ผ่านมา
เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าถึงโครงการฯ
นอกจากการจัดกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษประจำสัปดาห์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแคมเปญฯ ได้แบ่งปันไอเดียเจ๋งๆ เพื่อนำไปปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการใช้ชีวิตประจำวันให้รักษ์โลกมากขึ้น โดยมีเหล่า Greensters หรือกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ร่วมกันสื่อสารและส่งต่อแนวความคิด “สังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน” ผ่านวิธีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปยังทุกๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
และเพื่อให้เห็นภาพความร่วมมือของคนรุ่นใหม่ จึงมีตัวแทนคนรุ่นใหม่อย่าง “พิชญา มีมากบาง” หนึ่งในผู้เข้าร่วมแคมเปญฯ ได้บอกเล่าประสบการณ์และความรู้สึกที่มีต่อแคมเปญฯ ดังกล่าวว่า
ทุกวันนี้หลายคนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและทุกๆ การกระทำของตัวเองกันมากขึ้น เพราะปัญหาโลกร้อนที่ทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ตามมา ทั้งมลพิษและภัยพิบัติจนระบบนิเวศถูกทำลาย มีต้นตอมาจากน้ำมือของมนุษย์ ดังนั้น ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ไปอีกนาน หนทางที่เราทำได้ทันทีเพื่อเยียวยาโลกเอาไว้ ก็คือการปฏิบัติทั้ง 4 รูปแบบต่อไป
เพราะทุกคนล้วนมีศักยภาพในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงทางบวกให้เกิดขึ้นกับโลก ทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสร้างสมดุลให้ธรรมชาติได้จริง โตโยต้าจึงขอขอบคุณคนไทยทั่วประเทศที่เข้าร่วมแคมเปญฯ และทุกความร่วมมือที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาจัดกิจกรรมจากทุกองค์กร บริษัท ห้าง ร้านค้า สื่อ พรีเซนเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้โลกของเราน่าอยู่กว่าเคย
แม้ว่าแคมเปญ “ลดเปลี่ยนโลก กับโตโยต้า” ในซีซันสองจะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่โตโยต้าเชื่อมั่นว่าทุกกิจกรรมและทุกแนวทางปฏิบัติเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ และถูกส่งต่อความเชื่อที่ว่า WE DO TO BALANCE THE WORLD และพร้อมจุดประกายให้ทุกคนหันมาดูแลโลกด้วยสองมือของทุกคนได้ไม่สิ้นสุด นับเป็นการเริ่มต้นเล็กๆ ที่ตัวเองสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งสู่สังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน
สามารถติดตามกิจกรรมและข่าวสารของโตโยต้า ได้ที่ https://www.facebook.com/ToyotaCSR
