ทุกวันนี้ภาคการผลิตสินค้า ภาคบริการ และการบริโภค หันมาให้ความสำคัญธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น จะเห็นได้จากแบรนด์ในกลุ่มสินค้าต่างๆ ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้พลังงาน และทรัพยากร เปลี่ยนมาใช้ส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ไม่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม คน และสัตว์ รวมทั้งใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล และสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้
อย่างล่าสุดเชนค้าปลีกสุขภาพและความงาม “วัตสัน” (Watsons) เปิดแผนธุรกิจ ปี 2024 เน้นขยายการเติบโต ควบคู่กับนโยบานด้านความยั่งยืน ด้วยการเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้เปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 50 สาขา พร้อมทั้งปรับสาขาสยามสแควร์ ให้เป็น “Greener Store” แห่งแรกในไทย และเพิ่มผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ ที่มองหาสินค้ารักษ์โลกมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z แม้สินค้ากลุ่มนี้จะมีราคาสูงกว่า แต่ผู้บริโภคก็ยินดีจ่าย
ขณะเดียวกัน “วัตสัน” แสดงความเชื่อมั่นว่าแม้เศรษฐกิจซบเซา ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แต่สำหรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามยังคงเติบโต เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ ต้องบริโภค
พฤติกรรม Eco-conscious กลายเป็นกระแสหลัก – “Gen Y และ Gen Z” พิจารณาซื้อสินค้ารักษ์โลก ก่อนปัจจัยราคา–แบรนด์
“Kantar” เคยเปิดรายงาน Who Cares? Who Does? 2023 ซึ่งเป็นการสำรวจด้านความยั่งยืนระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด จากกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคมากกว่า 112,000 ราย เชื่อมโยงทัศนคติและการดำเนินการด้านความยั่งยืนของผู้บริโภคเข้ากับข้อมูลพฤติกรรมการจับจ่ายเชิงลึกในหมวดสินค้า FMCG หรือสินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภท พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
– กลุ่ม Eco-actives หรือผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ได้เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ช่วงวิกฤติค่าครองชีพที่ผ่านมา และดีดตัวขึ้นมาเป็น 22% ของผู้บริโภคทั่วโลกในปี 2023 เทียบกับ 18% ในปี 2022 และ 22% ในปี 2021
– ผู้บริโภคกลุ่ม Eco-actives ใช้จ่ายเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์ในตลาด FMCG ในแต่ละปี โดยคาดว่าจะสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2027
– พฤติกรรม Eco-conscious กลายเป็นกระแสหลักแล้ว พบว่าผู้บริโภค 3 ใน 4 หรือ 74% นำกระเป๋าของตัวเองมาใส่ของที่ตนเองจับจ่าย เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2019 รวมถึงเกือบครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคที่ใช้ถุงผ้าเพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ปัจจุบันผู้บริโภคเกือบ 2 ใน 3 ใช้ขวดแบบรีฟิลได้ ในขณะที่การใช้ “ถ้วย to-go” อยู่ที่ 42% เพิ่มขึ้น 6%
– บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ ถือเป็นความคาดหวังพื้นฐานในด้านความยั่งยืน โดย 72% ของผู้บริโภคจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 100% บ่อยครั้ง หรือเป็นครั้งคราว
ทางด้าน “วัตสัน” (Watsons) เชนค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงาม เผยอินไซต์นักช้อป Gen Y และ Gen Z พบว่าเป็นผู้บริโภคสองกลุ่มหลักที่ให้การตอบรับผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากที่สุด และถึงแม้ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือเพื่อความยั่งยืนจะมีราคาสูงกว่ากลุ่มสินค้าทั่วไปก็ตาม แต่ผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z ไม่ได้พิจารณาปัจจัยราคา และแบรนด์มาเป็นอันดับแรก หากแต่พิจารณาว่าแบรนด์ และสินค้าที่ต้องการซื้อนั้น ดีต่อโลกไหม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร
“วัตสัน” ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 50 สาขา – เปิดตัว Greener Store สาขาแรกในไทย
วัตสัน ประเทศไทย เป็นเชนค้าปลีกสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีสาขามากที่สุดในไทย ด้วยจำนวน 700 สาขา ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในแต่ละปีวัตสันวางแผนเปิดสาขาใหม่ ไม่ต่ำกว่า 50 แห่งต่อปี ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว เปิดไป 55 สาขา
ขณะที่ปี 2024 ตั้งเป้าเปิดไม่น้อยกว่า 50 สาขา ทั้งในศูนย์การค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, คอมมูนิตี้มอลล์ และรูปแบบ Stand Alone ควบคู่ไปกับการปรับปรุงสาขาเดิม 80 สาขา หนึ่งในนั้นคือ การรีโนเวต สาขาสยามสแควร์ ให้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Greener Store” แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นรูปแบบร้านค้าเพื่อความยั่งยืนของวัตสัน โดยมีการนำเสนอแนวคิดและมาตรการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้กับสาขานี้ เช่น
– การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด
– เลือกใช้วัสดุตกแต่งที่ผลิตจากกระดาษและไม้รีไซเคิล
– สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เช่น โซนปั่นจักรยานพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้ลูกค้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน เมื่อปั่นครบตามนาทีที่กำหนด คือ 3 – 5 – 7 นาที สัญญาณไฟสีต่างๆ จะปรากฏขึ้น รับคูปองส่วนลดพิเศษ
– ระบบโลจิสติกส์ นำรถ EV Truck มาใช้ในการจัดส่งสินค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปัจจุบันมี 6 คัน
– เพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Product) เช่น Clean Beauty ที่ไม่มีส่วนผสมเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตต่างๆ, ผลิตภัณฑ์ใช้แพ็คเกจจิ้งรีไซเคิล และรียูสได้ ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน มีทั้ง Own Brand ของวัตสันเอง และแบรนด์พาร์ทเนอร์ รวมกว่า 4,000 SKU จากทั้งร้านมีกว่า 5,000 SKU
“วัตสันมี 3 เสาด้านความยั่งยืน คือ People, Planet และ Product ด้วยการนำเสนอ Sustainable product ซึ่งแนวคิด Greener Store ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของวัตสันในการสร้างวัฒนธรรมที่บ่มเพาะความยั่งยืนในกระบวนการดำเนินงาน และปฏิบัติการต่างๆ ในทุกๆ วัน
โดยเอเอส วัตสัน กรุ๊ป ตั้งเป้าภายในปี 2030 ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 30% และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ Own Brand ของวัตสันที่ใช้บรรจุภัณฑ์วัสดุรีไซเคิล เป็น 30%” คุณพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย เล่าถึงแผนด้านความยั่งยืน
ตอกย้ำกลยุทธ์ O+O – ชูโปรโมชัน “โปรโมเชื่อม” ตอบโจทย์ความสะดวกสมาชิกกว่า 9 ล้านคน
กลยุทธ์ O+O ของวัตสันถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการมอบประสบการณ์การชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อ โดยเฉพาะในปัจจุบัน วัตสัน มีสมาชิกวัตสันคลับ มากกว่า 9 ล้านคนที่ได้รับสิทธิพิเศษผ่าน “โปรโมเชื่อม” โปรโมชั่นที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อการชอปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์สำหรับสมาชิกวัตสัน คลับ โดยเฉพาะ
ควบคู่ไปกับการใช้ความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าจากฐานสมาชิกที่แข็งแกร่ง มาใช้เป็นเครื่องมือในการยกระดับการสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับสมาชิก กระตุ้นการมีส่วนร่วม และมัดใจสมาชิก ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับเซเลปชื่อดัง กิจกรรมเวิร์กช็อป รวมถึงสิทธิพิเศษในการแลกบัตรกำนัลด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ
แม้เศรษฐกิจชะลอ – ผู้บริโภคระวังการใช้จ่าย แต่ “ตลาดสุขภาพและความงาม” ยังโตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอ ข้าวของราคาแพงขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคซบเซา และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม แต่สำหรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามนั้น (Health & Beauty Market) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
“ถ้ามองการระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้บริโภค หรือชะลอการจับจ่าย จะพบว่าเริ่มจากกลุ่มสินค้าที่ไม่มีความจำเป็น เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น แต่สำหรับธุรกิจสุขภาพและความงาม เป็นกลุ่มจำเป็นต้องมี ต้องใช้ เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผม ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า-ผิวกาย เครื่องสำอาง ยิ่งปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ยิ่งทำให้ Demand ตลาดวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม จะเป็นเซ็กเมนต์สุดท้ายที่คนจะจำกัดการใช้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมวัตสัน เรายังคงขยายตัวต่อเนื่อง”
ล่าสุดเพื่อตอบรับกับเทรนด์ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ในปี 2567 วัตสัน เปิดตัววัตสัน เดย์ไวต้า (Day-Vita) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์วัตสัน
“การเปิดตัวในครั้งนี้ เป็นการใช้ความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีมาอย่างยาวนานของวัตสัน ประกอบกับความเข้าใจในผู้บริโภค ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีได้ง่าย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในราคาเหมาะสม” คุณพสิษฐ์ สรุปทิ้งท้าย