เพราะผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศไทยนั้น มีจำนวนมากและมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเราก็ยังรู้กันดีว่าการสร้างโอกาสและสนับสนุนให้ SME ก้าวถึงโอกาสที่รออยู่บนโลกออนไลน์ ทั้งการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหรือแม้แต่การสร้างการรับรู้กับผู้บริโภค การมีตัวช่วยทางเทคโนโลยี แต่ละขั้นตอนล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ประกอบการ และกลายเป็น Pain Point หลักที่ SME ไทยซึ่งต้องการก้าวจากหน้าร้านออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ต้องเจอ
แต่ไม่ใช่แค่ SME ที่มี Pain Point เพราะ Consumer ก็มีหลายข้อจำกัด แต่โอกาสและช่องทางที่ชัดเจนซึ่งเปิดรอให้ผู้ประกอบการเข้าถึงผู้บริโภค ก็คือ Social Media จากสถิติเมื่อเดือนมกราคมของ We are social ระบุว่าประชากรไทยเกือบ 70 ล้านคน มีจำนวนถึง 57 ล้านคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต และมีผู้ใช้ Social Media ถึง 51 ล้านคน แถมยังเป็นการใช้งานผ่านมือถือถึง 69% ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนว่าคนไทยแชทเก่งหรือติดมือถืออย่างเดียว แต่สะท้อนถึง “โอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์” ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม
ถ้ากล่าวถึง BOL (บมจ.บิซิเนส ออนไลน์) คนส่วนใหญ่คงรู้จักและคุ้นเคยในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจข้อมูลด้านนิติบุคคลและเครื่องมือหลากหลายเพื่อสนับสนุน SME ทั้งฐานข้อมูลนิติบุคคลนับล้านบริษัททั่วประเทศ แต่วันนี้ BOL กำลังปรับทัพธุรกิจรับยุค Disruption ด้วยการทุ่มงบประมาณ 30 ล้านบาทเพื่อจัดตั้งบริษัทลูก “บีโอแอล ดิจิตอล” เมื่อต้นปี 2560 และเริ่มต้นให้บริการแรกในชื่อ MatchLink ไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด Social Business Platform
“MatchLink จะเป็นธุรกิจแบบ New Normal เพื่อสร้างมิติใหม่ในการทำธุรกิจ แม้ในตลาดอาจมีผู้ให้บริการที่มีเครื่องมือเชื่อมโยง SME กับ Consumer อยู่บ้าง แต่เราไม่ได้สร้าง MatchLink ให้เป็นแค่แอป แต่จะเป็นบริการข้อมูลที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน สิ่งนี้คือแวลูมหาศาลที่เรามีและทำให้เราแตกต่างจากแพลทฟอร์มอื่น เพราะสามารถเชื่อมผู้ขายกับผู้ซื้อที่มีความต้องการตรงกันให้มาเจอกัน ถือเป็นการลดความเสี่ยงในการขายให้ผู้ประกอบการได้โดยตรง รวมทั้งลดระยะเวลาค้นหาผู้ขายและสินค้าที่มีความคุ้มค่าสูงสุดแก่ผู้ซื้อได้ด้วย ภายใต้ข้อมูลธุรกิจนิติบุคคลกว่า 1.5 ล้านรายทั่วประเทศที่ BOL มีอยู่ และอัพเดทข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทุกสัปดาห์ ขณะเดียวกันก็เป็นประตูโอกาสสำหรับ Startup ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจอีกด้วย”
คุณชัยพร เกียรตินันทวิมล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและกรรมการ BOL เล่าถึงแนวคิดของธุรกิจ MatchLink และอธิบายเพิ่มเติมว่า
เปิด 2 แพลทฟอร์ม ให้บริการแบบ Freemium
ปัจจุบัน MatchLink เปิดให้บริการ 2 แพลทฟอร์ม ได้แก่ แอปพลิเคชัน MatchLink ซึ่งให้บริการบน iOS, Android และเว็บไซต์ www.matchlink.asia ซึ่งในอนาคตจะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลบนเว็บ https://smelink.net ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้เยี่ยมชมราว 800,000 ครั้งต่อเดือน และมีสมาชิกเฉลี่ย 30,000 รายที่ล็อกอินเข้าใช้งาน และจะมีการรวมระบบเข้ามายังเว็บ MatchLink อย่างสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
สำหรับแอป MatchLink เปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามียอดดาวน์โหลดแล้ว 2,000 ครั้ง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจำนวนดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ครั้งภายใน 1 ปีที่เปิดให้บริการ เพราะเชื่อว่าจุดเด่นในการตอบสนองพฤติกรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่ต้องเปลี่ยนจาก Old Normal สู่ New Normal และการใช้ UX UI รูปแบบที่ผู้บริโภคคุ้นเคยก็จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดการใช้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็เชื่อว่าฟีเจอร์ต่างๆ ภายในแอปจะช่วยเชื่อมโยงผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงกลยุทธ์แบบ One to Many ที่เราเร่งสร้างการรับรู้จากระดับผู้บริหารเพื่อกระจายสู่งบุคลากรภายในองค์กรทำให้เกิดการรับรู้และใช้งานในวงกว้างได้เป็นอย่างดี
สร้างฟีเจอร์เพื่อ SME ต่อยอดธุรกิจง่าย ลูกค้าเข้าถึงสะดวก
ปัจจบัน MatchLink ให้บริการ 4 ฟีเจอร์เบื้องต้น ได้แก่ Business Search ค้นหาคู่ค้าที่ใช่ใน MatchLink ซึ่งอ้างอิงจากฐานข้อมูลนิติบุคคลกว่า 1.5 ล้านราย, Business Page สร้างโปรไฟล์ธุรกิจบนโลกดิจิทัลบนแพลตฟอร์มที่รวมธุรกิจทั่วไทยไว้ด้วยกัน, Claim Business การเคลมสิทธิในการเป็นตัวแทนบริษัท เพื่ออัพเดทข้อมูลและติดต่อกับคู่ค้า, Digital Name Card นามบัตรดิจิทัลเพื่อการติดต่อที่สะดวกรวดเร็วในยุคดิจิทัลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
โดยในอนาคตจะมีการเพิ่มเติมฟีเจอร์อื่นๆ ที่สนับสนุนและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้น อาทิ ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะมีฟีเจอร์ Business Loan เชื่อมโยงกับสถาบันการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกในการกู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ, Desktop Version เพื่อความสะดวกในการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, Product Search สะดวกขึ้นด้วยการค้นหาข้อมูลผ่านประเภทสินค้า รวมถึงฟีเจอร์อื่นที่จะทยอยเปิดตัวในช่วงถัดไป อาทิ PR Post, Business Chat, Product Catalogue, Sell/Buy Post, Targeting Service เป็นต้น
เมื่อทำธุรกิจ Freemium บริษัทจะมีรายได้จาก…?
“เราเชื่อว่ารายได้ในช่วง 1-2 ปีแรก จะมาจากบริการสินเชื่อเป็นหลัก”
โดยรายได้จากการดำเนินธุรกิจของ MatchLink จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ค่าธรรมเนียมในการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงผู้ที่มีความต้องการซื้อสินค้า ซึ่งบริษัทคิดค่าธรรมเนียมครั้งละ 10-30 บาท ต่อรายการเสนอขายสินค้า ทำให้ผู้ขายได้เข้าถึงผู้ซื้อโดยตรงและมีโอกาสในทางธุรกิจมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ซื้อก็สามารถมั่นใจในบริษัทที่เสนอขายเนื่องจากผ่านการตรวจสอบและยืนยันตัวตนมาแล้ว ส่วนถัดไป คือ ค่าธรรมเนียมจากบริการสินเชื่อซึ่งเป็นเงื่อนไขระหว่างเรากับสถาบันการเงิน เรื่องจากบริษัทมีระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงที่คำนวณข้อมูลเชิงลึกได้มากกว่า ทำให้ธนาคารสามารถพิจารณาความเสี่ยงในการปล่อยกู้สินเชื่อได้มีประสิทธิภาพขึ้น
ใครบ้างที่เข้าสู่ระบบ MatchLink ได้
สำหรับผู้ประกอบการที่สามารถสมัครสมาชิกกับ MatchLink ได้แก่ SME ที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์, ผู้ประกอบรายย่อย หรือ SME ที่ไม่ได้จดทะเบียน, เจ้าของธุรกิจค้าปลีก, เจ้าของร้านค้าออนไลน์ หรือร้านค้า Social ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการโปรโมทธุรกิจ สามารถสมัครสมาชิกและเคลมธุรกิจได้ฟรี
3 สิ่งที่ SME ไทย ห้ามขาด!
สิ่งที่ SME ไทยต้องให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจมีทั้งสิ้น 3 ประการ คือ
1. Digital Platform เนื่องจากเทคโนโลยีและเทรนด์ดิจิทัลมีบทบาทในชีวิตผู้คน หลายธุรกิจใช้แพลทฟอร์มออนไลน์ในการเพิ่มช่องทางการค้าขายเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค 4.0 ดังนั้น SME จึงต้องปรับตัวในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้ทันด้วยเช่นกัน
2. Credibility ต้องมีความน่าเชื่อถือระหว่างผู้ประกอบการกับพาร์ทเนอร์ในด้านต่างๆ เช่น คู่ค้า สถาบันเงินทุน
3. Networking เครือข่ายธุรกิจยังคงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจ แต่ควรทำให้สามารถบริหารเน็ตเวิร์คได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย