TCC LAND ทุ่ม 6 พันล้าน ดัน SMEs ไทยสู่อาเซียน ผ่านโครงการ ตลาดกลางการค้าแห่งภูมิภาคอาเซียน AEC Trade Center

  • 181
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

TCC-2

บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเซ็ทเวิร์ล จำกัด (TCC Land Asset World) เล็งเห็นศักยภาพของกลุ่มผู้ผลิต และผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทยและแถบภูมิภาคอาเซียน ผุดบริษัทในเครือ บริษัท ตลาดต่อยอด เออีซี จำกัด พร้อมทั้งเปิดตัว “โครงการตลาดต่อยอด เออีซี เทรดเซนเตอร์” ตลาดกลางการค้าครบวงจรแห่งภูมิภาคอาเซียนแห่งแรกในไทย ที่รวบรวมสินค้าและบริการ จากผู้ผลิต และผู้ประกอบการทั่วประเทศ ตลอดจนสินค้านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ส่งออก เจ้าของธุรกิจ การค้าส่ง การค้าปลีก ผู้ขายสินค้าออนไลน์ ลูกค้าองค์กร ตลอดจนเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ธุรกิจในทุกระดับได้ค้าขายในระดับประเทศ และนานาชาติ สอดรับกับนโยบายการเปิดตลาดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เล็งทุ่ม 4 หมื่นล้าน ขยายสาขาปักธงหัวเมืองใหญ่เพิ่ม 8 แห่ง ใน 3-5ปี

TCC-1

โสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท TCC Land Asset World กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเซ็ทเวิร์ล เล็งเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มผู้ผลิต และผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทย และประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียน โดยเดินหน้าเป็นพัฒนา “โครงการตลาดต่อยอด เออีซี เทรดเซนเตอร์” แห่งแรกที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้มอบหมายให้บริษัท ตลาดต่อยอด เออีซี จำกัด เป็นผู้ดูแลโครงการนี้โดยมุ่งพัฒนาให้เติบโตต่อยอดสู่การเป็น “ศูนย์กลางเครือข่ายการค้าแห่งอาเซียน” และเป็นโมเดลตลาดกลางครบวงจรแห่งแรกในไทย ที่สร้างเครือข่าย ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ บริการทางการเงินต่างๆรวมไว้ในสถานที่เดียวกัน โดยมุ่งเจาะกลุ่มการค้าในรูปแบบธุรกิจต่อธุรกิจ ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 6 พันล้านบาท เป็นการก่อสร้าง 4,000 ล้านบาท และงบลงทุนที่ดินราว 2,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 160 ไร่ คิดเป็นพื้นที่การค้ารวม 300,000 ตารางเมตร เป็น sourcing hub หรือเป็นตลาดกลางการค้าสินค้าอุตสาหกรรมแห่งแรกของประเทศคาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และเปิดบริการในปี 2561”

ทั้งนี้ความคืบหน้าโครงการ ขณะนี้ก่อสร้างได้ 25% มีลูกค้าที่เข้ามาจับจองเช่าพื้นที่แล้วราว 20% คาดว่าโครงการจะ แล้วเสร็จเริ่มเปิดให้บริการไตรมาสแรกปี 2561 โดยในโครงการแบ่งเป็น 10 อาคาร เช่น อาคารเสื้อผ้าสิ่งทอ แฟชั่น เครื่องประดับ อาคารอาหาร บรรจุภัณฑ์ และศูนย์จัดแสดงสินค้า อาคารวัสดุก่อสร้าง อาคารสินค้าอุปกรณ์ประดับยนต์ เครื่องมือช่าง อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ประเมินว่าจะมีสินค้าจากผู้ประกอบการในโครงการนี้กว่า 2 ล้านเอสเคยู นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนก่อสร้างตึกบริเวณใกล้เคียงอาคารเฟสแรกของโครงการฯเพิ่มเติม ขนาดพื้นที่ 6 ไร่ คาดใช้งบลงทุน 100-200 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นตึกรวบรวมสินค้ากลุ่มเทรนดี้ เช่น สินค้าไอที เทคโนโลยีต่างๆ

TCC-4

ขณะเดียวกันยังได้มุ่งเน้นการพัฒนาด้านการค้าและบริการให้เป็น “วันสต็อปเซอร์วิส” เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าครอบคลุมทุกประเภทใหญ่ที่สุดในไทย โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาครัฐบาล และเอกชน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ,ธนาคารพาณิชย์ ,และมีอีกหลายองค์กรที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรทั้ง องค์กรด้านวิทยาศาสตร์ สมาคมการค้า สายการบินชั้นนำ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และธนาคารเอกชนอีกมากมายเพื่อยกระดับ สร้างศักยภาพให้กับ SMEs ของประเทศไทย และเม็ดเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้ดีพัฒนาสู่ความมั่นคงยิ่งขึ้น ได้เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ที่จะเข้ามาส่งเสริมด้านคุณภาพสินค้า ตลาด ช่องทางการจำหน่าย แพ็คเกจจิ้ง และมาตรฐานสินค้าเพื่อขยายตลาด ส่งออก ให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการนี้ ตลอดจนมีบริการผ่านพันธมิตรด้านโลจิสิติกส์ 4-5 ราย สำหรับการเช่าพื้นที่ภายในโครงการเปิดรับผู้ประกอบการโรงงาน ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ผู้ค่าส่ง โดยมีพื้นที่ให้เช่าเริ่มต้น 20 ตร.ม.ราคา 1 หมื่นบาทต่อเดือนราคาให้เช่าพื้นที่ ตร.ม.ละ 500-1,000 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้บริษัทได้นำทีมงานซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ชเข้ามาเสริมการบริหารงานของโครงการฯ โดยจะมีระบบเรทติ้งของผู้ขายแต่ละรายในแพลตฟอร์มนี้ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อมากขึ้น รวมถึงพัฒนารูปแบบออมนิ แชนแนล หรือการส่งเสริมการขายและการทำตลาดแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยมองเป็น โอกาสดีที่ภาครัฐสนับสนุนผู้ประกอบการสอดรับ กับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงโอกาสการขยายตัวของเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ มีธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น จึงต้องการตลาดที่เป็นแหล่งรวมสินค้าและบริการที่หลากหลายตอบโจทย์การค้า และต่อยอดธุรกิจของตัวเอง

มั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการขายของได้มาก มีกำไรต่อหน่วยมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน และเมื่อผู้ประกอบการเข้ามาเช่าพื้นที่ภายในโครงการก็ช่วยให้พวกเขาสามารถตั้งราคาขายเองได้ และมีพื้นที่โชว์เคสสินค้าด้วย หากผู้ซื้อต้องการสั่งซื้อซ้ำ เราก็มีบริการสั่งซื้อออนไลน์อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรค้าส่งรายอื่นๆ เผื่อผลักดันให้เกิดเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับเครือข่ายค้าส่งของจีน

และมีแผนจะขยาย “โครงการตลาดต่อยอดฯ” ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เช่นภาคกลาง กรุงเทพฯ ตอนบน, ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางสำหรับธุรกิจการค้าระหว่างในไทย และอาเซียน โดยคาดว่าจะเปิดรูปแบบ “โครงการตลาดต่อยอดฯ” เพิ่มอีก 8 แห่งในไทย ภายในระยะเวลาอี 3 – 5 ปี จากนี้ คาดว่าจะใช้งบการลงทุนรวม 40,000 ล้านบาท ส่วนพื้นที่ต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 100 ไร่ขึ้นไป โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างมองหาทำเลเพื่อจัดตั้งโครงการสาขาอื่นๆ ในไทย ทั้งทำเลจ. เชียงใหม่ ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า, จ. ชลบุรี, ภาคอีสาน จ.อุดรธานี รวมถึง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีพื้นที่ใกล้ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจน อ.ชะอำ จ. เพชรบุรี ซึ่งทำเลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่อาเซียนอย่างแท้จริง เป็นศูนย์กลางสำหรับธุรกิจการค้าระหว่างภูมิภาคและระหว่างอาเซียน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีโครงการครอบคลุมครบทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “เติบโตไปด้วยกัน ต่อยอดไปได้ไกล” กับแผนธุรกิจแห่งอนาคต สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานขาย โครงการตลาดต่อยอด 035-909-888

TCC-3 TCC-5

[ข่าวประชาสัมพันธ์]


  • 181
  •  
  •  
  •  
  •