ตายยกแผง! เฟซบุ๊คเดินหน้าแบนเพจที่โฆษณา ‘กัญชา’

  • 177
  •  
  •  
  •  
  •  

จากกระแสกัญชาที่เกิดขึ้นในทั่วโลก โดยเฉพาะในอเมริกา ที่คำว่า  ‘CBD’ หรือ Cannabidiol ซึ่งหมายถึง “กัญชา” กลายเป็นคำค้นยอดฮิตบนกูเกิล

ขณะเดียวกัน เราก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของสินค้าหลากหลายชนิดที่กระโดดลงมาชิงเค้กก้อนใหญ่ก้อนนี้ โดยหลายๆ แบรนด์ก็กระโดดลงมาหยิบเอากัญชาไปใส่เป็นสูตรพิเศษวางจำหน่ายในประเทศหรือพื้นที่ที่กฎหมายไฟเขียวกับเขาด้วย

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นอะไรๆ ก็กัญชาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ช็อคโกแลต แชมพู มอยส์เจอไรเซอร์ หรือแม้กระทั่งสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ผสมกัญชาก็ยังมีออกมาให้เห็นกันแล้ว

มีการประมาณการเม็ดเงินที่หมุนเวียนเกี่ยวข้องกับกัญชาว่าจะพุ่งสูงขึ้นถึง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในอีก 6 ปีข้างหน้า

ในแง่ของกฎหมาย จะเห็นว่า ในหลายๆ พื้นที่เริ่มไฟเขียวให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายแล้ว อย่างเช่นในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา

แต่! กัญชายังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับรัฐบาลกลางสหรัฐอยู่ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาอย่างถูกกฎหมาย

ถ้าคุณจะยิงแอดบนเฟซบุ๊คและมีคำว่า CBD เราขอเตือนไว้เลยว่า ระวังถูกยิงร่วง โดนปิดเพจได้ง่ายๆ เพราะนโยบายของเฟซบุ๊คยังจัดให้กัญชาเป็นสิ่งต้องห้าม

อย่างเช่นที่เกิดกับ Lacey Steffes เจ้าของร้านสปาแห่งหนึ่งในวิสคอนซินได้พยายามจะโปรโมทคอร์สทรีทเมนท์ใหม่ของเธอที่มีกัญชาเป็นจุดขาย เธอเล่าให้เว็บไซต์ theverge.com ว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอพยายายามจะโพสต์โฆษณาที่มีภาพของใบกัญชาพร้อมคำว่า “CBD” ผลก็คือ แอคเคานท์ของร้านสปาเธอถูกปิดโดยทันที

Steffes ไม่ใช่คนเดียวที่เจอเหตุการณ์ทำนองนี้ Monika Allen สาวก็อปปี้ไรท์เตอร์ที่ต้องช่วยเขียนคำโฆษณาและช่วยจัดการโซเชียลมีเดียให้กับลูกค้าในหมวดสุขภาพก็เจอปัญหาเหมือนกัน เพราะเมื่อลูกค้าของเธอวางแผนที่จะจัดงานเปิดบ้านเพื่อชักชวนให้ชุมชนเข้ามาแชร์ข้อมูลความรู้กัน และด้วยกระแสที่มาแรงของกัญชา ทำให้มันถูกบรรจุเป็นหนึ่งในหัวข้อที่จะนำมาพูดคุยกัน

ไม่ต้องเดาเลยว่า แอดแอคเคานท์ของเธอถูกปิด หายวับไปใน 5 นาทีที่ยิงแอดขึ้นไป แถมการอุทธรณ์ก็ไม่เป็นผล เมื่อเธอมากลับมานั่งอ่านข้อกำหนดของเฟซบุ๊คอย่างละเอียดก็เห็นว่า มันเป็นเรื่องของการตีความหมายของกัญชาในแบบที่ต่างกัน

ข้อห้ามที่เกี่ยวกับกัญชาซึ่งเฟซบุ๊คกำหนดไว้

ขณะที่เฟซบุ๊คระบุว่า ‘marijuana’ หรือกัญชา คือสิ่งต้องห้าม แต่สำหรับ ‘CBD’ ที่แม้จะหมายถึงกัญชาเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้ว มันคือคนละเรื่องเดียวกัน

เรื่องนี้ต้องขยายความให้เข้าใจกันก่อนว่า เมื่อก่อน เราจะเรียกเหมารวม “กัญชา” กับทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในมุมของสารเสพติดหรือจะเป็นยารักษาโรค แต่ในวันนี้ เมื่อนักวิจัยสามารถจับกัญชาต้นเดียวกันนี้มาแยกย่อยลงไป และพบว่า ภายในนั้นประกอบด้วยสารสองสิ่งที่มีความคล้ายกัน แต่ต่างกันอย่างมีนัยะ นั่นคือ CBD และ THC

ขณะที่ THC คือต้นเรื่องที่ทำให้กัญชาถูกมองไม่ดี เพราะส่งผลต่อระบบประสาท หรืออาการที่เรียกกันติดปากว่า “เก็ตไฮ” เมื่อเสพกัญชา นั่นก็เพราะเกิดจากเจ้าสาร THC นี่แหละ

แต่สำหรับ CBD ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ นักวิจัยพบว่า แม้มันจะช่วยให้ผ่อนคลายเหมือนกัน แต่กลับไม่ส่งผลให้ “เก็ตไฮ” ซึ่งถือเป็นการค้นพบที่สำคัญซึ่งทำให้กัญชาได้รับการยอมรับมากขึ้นในทางการแพทย์

เมื่อเว็บไซต์ The Verge ได้ทำการสอบถามไปยังเฟซบุ๊คเกี่ยวกับนโยบายการโฆษณา ก็ได้คำตอบยืนยันว่า ยูสเซอร์ไม่ได้รับอนุญาตให้โพสต์โฆษณาที่เอ่ยถึง CBD หรือแม้กระทั่งญาติสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงอย่าง กัญชง ก็ถูกห้ามเช่นเดียวกัน

และเนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายที่ได้รับผลกระทบทำนองนี้ เรื่องก็เลยบานปลายถึงขั้นฟ้องร้องกันแล้ว อย่างเช่น Felicia Palmer ที่เมื่อซื้อแอดบนเฟซบุ๊คเพื่อจะโปรโมทออนไลน์ซัมมิทที่ชื่อว่า Cannaramic ซึ่งเฟซบุ๊คก็ตัดเงินจาก Palmer ไปแล้ว แต่กลับไม่ยอมปล่อยให้แอดดังกล่าวเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แล้วหลังจากนั้นก็ถูกลบแอคเคานท์ไปตามระเบียบเช่นเดียวกับเคสอื่นๆ

แต่ Palmer ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบแต่เพียงเท่านี้ เธอเลยไปปรึกษาทนายความและตัดสินใจยื่นฟ้องศาล เนื่องจากการจัดหมวดให้ CBD เป็นยาเสพติดนั้นก็จะขัดแย้งกันไม่น้อย เพราะเมื่อ CBD ไม่ทำให้เก็ตไฮ แล้วจะเป็นยาเสพติดได้อย่างไร

เรื่องนี้ยังเป็นข้อกฎหมายสีเทาๆ ที่ผู้ประกอบการต้องหาทางอยู่รอดกันไปให้ได้ เช่นการโพสต์รูปโดยหลีกเลี่ยงที่จะพิมพ์ข้อความระบุถึงคำเจ้าปัญหา ไม่ว่าจะกัญชา หรือ CBD ลงไป และหวังว่า เฟซบุ๊คจะใจดี ยอมปล่อยผ่าน ไม่สอยให้ร่วงหายวับไปอย่างที่เคย

ที่มา : theverge


  • 177
  •  
  •  
  •  
  •