เพราะ‘สุขภาพดี’คือเรื่องใหญ่!!! ‘สิงห์’ จึงไม่ขอตกขบวน ส่งเครื่องดื่ม ‘0 cal’ และ ‘น้ำดื่มวิตามิน’ เร่งโตกลุ่มนอนแอลกอฮอลล์

  • 119
  •  
  •  
  •  
  •  

ตลาดเครื่องดื่มสุขภาพแม้ไม่ใช่ตลาดใหม่ที่เพิ่งเกิด แต่ตอนนี้นับว่ามาแรงสุด ๆ และมีการเติบโตน่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคต่างพยายามสรรหาเครื่องดื่มดังกล่าวมาเสริมสร้างสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงกว่าเดิม ซึ่ง ‘สิงห์  คอร์เปอเรชั่น’ ก็เห็นเทรนด์นี้ และเตรียมเดินหน้าบุกต่อเนื่องสำหรับสร้างการเติบโตให้กับพอร์ตเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์

หลังจากปล่อยหมัดเด็ด ‘สิงห์ เลมอน โซดา’ เพื่อชิมลางขยายเข้าสู่ตลาดน้ำอัดลม ภายใต้จุดขาย ‘ไม่มีน้ำตาล’ และ ‘แคลอรี่ 0%’ หรือ 0 cal และได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด   ในช่วงครึ่งปีหลังทางสิงห์จึงเตรียมส่งโปรดักท์ใหม่ออกมาอีก 2-3 ตัว โดยในส่วนของ 0 cal นอกจากสิงห์ เลมอน โซดา แล้วเตรียมเพิ่มรสชาติใหม่เข้าไป

รวมไปถึงอยู่ระหว่างการวางแผนผลิต ‘น้ำดื่มผสมวิตามิน’ ที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่า กระแสแรงมาก ๆ  โดยเฉพาะวิตามินซี

“เราโฟกัสเครื่องดื่ม 0 แคลอรี่ เพราะเป็นตลาดที่มีเติบโตต่อเนื่องมาหลายปี ๆ ละ 30-40% ที่สำคัญเทรนด์เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ไม่ว่าอย่างไรสายสุขภาพก็มาแรงสุด” ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ (Chief Marketing Officer – Brand) บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด

การเดินหน้าครั้งนี้ นอกจากเห็นโอกาสทางธุรกิจ ยังเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสัดส่วนของพอร์ต ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์’ และ ‘นอนแอลกอฮอลล์’ ให้มีความบาลานซ์ตามแผนยุทธศาสตร์ที่สิงห์วางไว้ในระยะยาวสำหรับกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และยิ่งเห็นความสำคัญมากขึ้นหลังจากเห็นผลกระทบที่เกิดในช่วงล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลมีคำสั่งห้ามจำหน่ายสุราทั่วประเทศไปเกือบหนึ่งเดือน ซึ่งส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

โดยปัจจุบันสิงห์มีรายได้จากกลุ่มแอลกอฮอล์ 80% และนอนแอลกอฮอล์ 20% แต่เป้าหมายในระยะยาว 5 ปีต่อจากนี้ สัดส่วนรายได้ของสิงห์จะมาจากกลุ่มแอลกอฮอล์ 50% และนอนแอลกอฮอล์ 50%

หากดูในรายละเอียดเฉพาะพอร์ตเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์มียอดขายประมาณ 17,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น น้ำดื่ม 50% โซดา 40% และน้ำแร่ 10%

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารของสิงห์ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในระดับโลกให้มีคุณภาพผ่านกระบวนการผลิตสินค้าด้วยความพิถีพิถัน และความใส่ใจ เพื่อจะสร้างคุณภาพของสินค้าและนำความสุขของการใช้ชีวิต ที่ถือเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จขององค์กรชั้นนำของไทย

โดยตลอดระยะเวลากว่า 87 ปี ได้รับความเชื่อถืออย่างกว้างขวางทั้งจากคุณภาพของสินค้าในระดับสากล เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมีมาตรฐาน ตลอดจนถึงการมีส่วนในการสร้าง “คุณภาพชีวิต คุณภาพสังคมที่ดี” และความรับผิดชอบที่มีต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมหลากหลายโครงการ


  • 119
  •  
  •  
  •  
  •