การจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้นั้น รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลและเอาใจใส่แรงงานเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำถือเป็นประเด็นที่ถกเถียงการมาหลายปี เพราะเงินที่ได้มาไม่ใช่แค่นำมาใช้จ่ายไปวันวันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีมากพอสำหรับการพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตของพวกเขาในอนาคต รวมถึงฐานรากที่มีประสิทธิภาพสำคัญต่อประเทศอีกด้วย
เมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยสาระสำคัญมีดังนี้
1. ด้านแรงงานจะได้รับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 3-5%
ค่าแรงดังกล่าวจะปรับขึ้นทั่วทั้งประเทศ แต่จะเพิ่มตามมาตรฐานเดิมของค่าแรงของแต่ละพื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่อามผู้ประกอบการที่กำลังกังวลถึงภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทางรัฐบาลได้ยื่นข้อเสนอว่า จะทำการช่วยเหลือเยียวยาทางด้านภาษี แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือกลุ่มเอสเอ็มอี โดยรัฐบาลฝากไว้อีกว่า การขึ้นค่าแรงดังกล่าวอาจกระทบผู้ประกอบการบ้าง หากผ่านไป 6 เดือนจะปรับตัวได้
2.ลดภาษี SMEs ที่ได้รับผลกระทบ
กลุ่มผู้ประกอบการที่กำลังกังวลถึงภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทางรัฐบาลได้ยื่นข้อเสนอว่า จะทำการช่วยเหลือเยียวยาทางด้านภาษี แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือกลุ่มเอสเอ็มอี โดยรัฐบาลฝากไว้อีกว่า การขึ้นค่าแรงดังกล่าวอาจกระทบผู้ประกอบการบ้าง หากผ่านไป 6 เดือนจะปรับตัวได้
อย่างไรก็ตาม การประชุมหารือเรื่องดังกล่าว ได้วางแผนงานที่ชัดเจนแล้ว ขาดแต่ยังต้องรอผลการเจรจาระหว่างฝ่ายนายจ้างกับฝ่ายลูกจ้าง คาดว่าจะจบได้ภายในวันที่ 17 ม.ค. มารอลุ้นกันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร หรือต้องเลื่อนเพื่อหาข้อสรุปต่อไปอีกหรือเปล่า
แหล่งข้อมูล prachachat