ย้อนดูกลยุทธ์ลีกฟุตบอลสหรัฐดึง “เดวิด เบคแฮม” ทำการตลาด ฉุดค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพุ่งกระฉูดกว่า 3,000%

  • 4
  •  
  •  
  •  
  •  

หนังสารคดี David Beckham Documentary กำลังเป็นกระแสอย่างไม่หยุดยั้งโดยเฉพาะในหมู่แฟนบอล เรื่องราวของสารคดีเล่าถึงนักฟุตบอลระดับตำนานที่ยังมีชีวิตอย่าง “เดวิด เบคแฮม” อดีตนักฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกับตันทีมชาติอังกฤษ ที่เรียกได้ว่าเป็น “แบรนด์” ของโลกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้

เดวิด แบคแฮม มีชีวิตใสโลกฟุตบอลตั้งแต่อายุ 15 ปีก้าวสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ในโลกฟุตบอลในช่วงทศวรรษที่ 1995 เรื่อยไปจนถึงปี 2010 แม้จะไม่ได้เล่นฟุตบอลเก่งระดับเทพแต่ด้วยภาพลักษณ์ ประสบการณ์ชีวิต ทัศนคติ และความหลักแหลมทางธุรกิจของเจ้าตัวทำให้ชื่อและตัวตนของ “เดวิด เบคแฮม” กลายเป็นแบรนด์ที่ทำการตลาดได้อย่างยาวนานและสร้างมูลค่าได้มากที่สุดคนหนึ่งของโลกฟุตบอลเลยก็ว่าได้

เครดิตสำหรับบทความข่าว: Photo Works / Shutterstock.com

ด้วยจุดเด่นนี้ไปสะดุดตา Major League Soccer (MLS) ลีกฟุตบอลของสหรัฐอเมริกา ที่ชาวอเมริกันไม่ได้นิยมนักหากจะเทียบกับศึกอเมริกันฟุตบอล NFL ที่ฝังรากในวัฒนธรรมชาวอเมริกันมาอย่างยาวนาน และก็เทียบไม่ได้กับลีกฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในทวีปยุโรปที่โด่งดังมากกว่าแบบไม่เห็นฝุ่น นั่นทำให้ MLS หาจังหวะดึงไอค่อนแห่งโลกฟุตบอลอย่างเดวิด เบคแฮม มากระชากกระแสนิยมเพิ่มมูลค่ากับลีกให้เพิ่มขึ้นให้ได้แบบมโหฬาร

เรื่องราวเบื้องหลังการย้ายทีมจาก “รีล มาดริด” สโมสรฟุตบอลอันดับ 1 ของโลกในยุคนั้นไปยังสโมสรในลีก MLS ที่ไม่มีใครรู้จักครั้งนั้นถูกนำกลับมาพูดถึงกันอีกครั้งในสื่อกีฬาทั่วโลก และพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นดีลที่เข้าขั้นอัจฉริยะและ Win-Win กันทั้งสองฝ่าย

เดวิด เบคแฮม กับการย้ายทีมช็อกโลก

ในปี 2007 เดวิด เบคแฮม ในวัย 31 ปีสร้างความตกตะลึงให้กับโลกฟุตบอลด้วยการตัดสินใจลดค่าเหนื่อย 70% ย้ายจาก “รีล มาดริด” สโมสรระดับแชมป์ยุโรป ไปยังสโมสร LA Galaxy สโมสรในลีก MLS ของสหรัฐ กลายเป็นคำถามของแฟนบอลทั่วโลกว่าทำไม เบคแฮม นักฟุตบอลที่มีค่าเหนื่อยสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกจึงตัดสินใจแบบนั้น

เครดิตสำหรับบทความข่าว: Photo Works / Shutterstock.com

ในเวลานั้นสื่อต่างวิเคราะห์กันว่าเหตุผลมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่าง เบคแฮม และผู้จัดการทีมคนใหม่ของรีล มาดริด รวมไปถึงปัญหา “วิคตอเรีย” ภรรยาระดับเซเลปที่ไม่มีความสุขกับชีวิตในสเปนและต้องการไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกามากกว่า

อย่างไรก็ตามเป็นที่เปิดเผยในเวลาต่อมาการตัดสินใจครั้งนั้นของเบคแฮม เป็นสิ่งที่ฉลาดมากในมุมนักธุรกิจ เช่นเดียวกับลีก MLS ที่ให้ LA Galaxy ยื่นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมจนสามารถดึง เบคแฮม มาเล่นในลีกได้ จะสร้างผลประโยชน์โดยรวมต่อเนื่องยาวนานหลาย 10 ปีหลังจากนั้น

เงื่อนไข 2 ข้อสู่ Win-Win ทางธุรกิจ

ข้อตกลงย้ายทีมครั้งนั้นมีเงื่อนไข 2 ข้อที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายปิดดีลประวัติศาสตร์ลงได้นั่นก็คือ

1. เบคแฮม จะได้ส่วนแบ่งจากรายได้ของสโมสร LA Galaxy ทั้งหมด

ไม่เฉพาะรายได้จากการขายตั๋วเข้าชม แต่รวมถึงยอดขายจากของที่ระลึก เงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ ไม่เว้นแม้แต่รายได้จากการขายเบียร์และของกินในสนาม ซึ่งดีลนี้ทำให้ช่วงเวลา 5 ปีที่ LA Galaxy ค่าเหนื่อยและรายได้จากข้อตกลงนี้ทำเงินให้เบคแฮมมากถึง 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 9,400 ล้านบาทเรียกว่าทำรายได้มากกว่าการอยู่กับรีล มาดริด กว่าเท่าตัว และกลายเป็สถิติเป็นนักเตะที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกในทันที

เครดิตสำหรับบทความข่าว: YES Market Media / Shutterstock.com

2.เบคแฮม ยังได้สิทธิตั้งทีมเข้าร่วม MLS ลีก ด้วยเงินเพียง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้ว่าในเวลานั้นจะดูไม่ได้พิเศษอะไรเพราะสิทธิ์ในการตั้งทีมเข้าร่วมลีกในเวลานั้นอยู่ที่ราว 10 ล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่หลังจาก MLS ลีกค่อยๆได้รับความนิยมสูงขึ้นจนกระทั่งเบคแฮมตัดสินใจใช้สิทธิตามเงื่อนไขนี้ในปี 2014 ตั้งทีม “Inter Miami” ขึ้น ในเวลานั้นสิทธิตั้งทีมเข้าร่วมลีกราคาพุ่งไปถึง 582 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว แต่เบคแฮมใช้เงินเพียง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่น่าตกใจก็คือในขณะนี้มูลค่าทีม Inter Miami ก็ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 10 ของลีก MLS แล้ว โดยมีมูลค่าถึง 585 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเติบโตจากงบก่อตั้งทีม 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 2,240% เลยทีเดียวที่น่าสนใจก็คือนั่นคือมูลค่าทีมที่คิดก่อนหน้าที่ Inter Miami จะคว้าตัว ลีโอเนล เมสซี่ นักหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกมาร่วมทีมในปี 2023 ด้วย

เครดิตสำหรับบทความข่าว: YES Market Media / Shutterstock.com

ลิขสิทธิ์ MLS ราคาพุ่ง 3,025%

การมาถึงของเดวิด เบคแฮม ที่เป็นไอค่อนของโลกฟุตบอล รวมถึงเป็นที่ชื่นชอบในฐานะหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆทั่วโลกก็ได้สร้างความนิยมให้กับลีก MLS ได้อย่างมหาศาลเช่นกันเช่น ยอดผู้ชมเกมในสนามที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 40% ไม่นับผู้ชมการถ่ายทอดสด นอกจากนี้ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด MLS ยังพุ่งทะยานเป็นจรวดด้วย

เครดิตสำหรับบทความข่าว: Piotr Swat / Shutterstock.com

นับตั้งแต่ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด MLS ที่มีการขายกันในปี 2006 ก่อนที่เบคแฮมจะย้ายร่วมทีม LA Galaxy อยู่ที่ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นในปี 2014 ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดก็พุ่งขึ้นมาถึง 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดในปี 2022 ที่ผ่านมาค่าลิขสิทธิ์ที่ MLS ขายให้ Apple TV ในปี 2022 ที่ผ่านมาสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้นจากราคาเมื่อปี 2006 ถึง 3,025% ไปแล้ว และแน่นอนว่านั่นเป็นมูลค่าก่อนหน้าที่ ลีโอเนล เมสซี่ จะย้ายมาร่วมทีม Inter Miami ของเดวิด เบคแฮม เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาด้วย

ข้อมูลดังกล่าวถูกเรียบเรียงเผยแพร่โดย Joe Pompliano ผู้สื่อข่าวสายกีฬาและการลงทุนที่กลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน สอดคล้องกับช่วงเวลาออกอากาศสารคดี David Beckham ทาง Netflix และเป็นอีกหนึ่งเบื้องหลังแนวคิดเชิงธุรกิจของอดีตนักฟุตบอลดังและกลยุทธ์การตลาดที่หลักแหลมของลีกฟุตบอล MLS ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ดีลครั้งนั้นสร้างแบรนด์ไปพร้อมๆกับการมาของ เดวิด เบคแฮม ด้วยข้อตกลงที่ชาญฉลาดที่เรียกได้ว่า Win-Win กันทั้งสองฝ่าย


  • 4
  •  
  •  
  •  
  •