ลำดับไทม์ไลน์วีรกรรม Kanye West ที่ทำให้ Adidas และอีกหลายแบรนด์ตัดสัมพันธ์ จนแรปเปอร์ดังหลุดอันดับมหาเศรษฐี

  • 2.6K
  •  
  •  
  •  
  •  

เครดิตภาพ : Liam Goodner / shutterstock.com, kit lau / shutterstock.com

กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อ Kanye West แรปเปอร์ชาวอเมริกันชื่อดังถูกแบรนด์ดังที่ร่วมงานกันหลายแบรนด์พากันตัดสัมพันธ์กันไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Balenciaga, Gap รวมไปถึงแบรนด์ที่เป็นรายได้หลักของ West และร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2013 อย่าง Adidas ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบโดยตรงกับตัว West เองที่อาจต้องสูญเสียรายได้มหาศาลขณะที่นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า West จะหลุดอันดับมหาเศรษฐีหากถูก Adidas ตัดสัมพันธ์ คำถามก็คือ West ทำอะไรที่ทำให้ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนักในเวลานี้

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นจากงาน Yeezy Paris Fashion Week งานแฟชั่นโชว์ของ West ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมาโดยในวันนั้น West สวมเสื้อยืดที่มีข้อความ “White Lives Matter” ที่ด้านหลัง ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นประโยคที่คิดขึ้นโดยกลุ่ม neo-Nazi และกลุ่มลัทธิคลั่งคนขาวเพื่อตอบโต้กลุ่ม Black Lives Matter กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิให้คนผิวสี ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมไปถึงบรรดาคนดังจำนวนมากที่ออกมาโจมตี West ในโลกออนไลน์

credit: billboard.com

แน่นอนว่าดราม่าไม่ยอมจบง่ายๆเมื่อ West โพสต์ภาพและข้อความผ่าน Instagram แสดงความคิดเห็นที่ถูกมองว่าเป็นข้อความ “ต่อต้านชาวยิว” จนส่งผลให้ Instagram ต้องประกาศแบนบัญชีของ West ในทันทีโดยระบุว่า West ละเมิดกฎและแนวปฏิบัติของแพลทฟอร์ม ส่งผลให้ West หันกลับไปใช้งาน Twitter อีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน 2 ปี

ทวีตของ West เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาก่อนจะถูก Twitter แบนบัญชี

นอกจาก West จะทวีตแสดงความคิดเห็นโจมตี Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ที่เป็นเจ้าของแพลทฟอร์ม Instagram แล้ว ยังเดินหน้าทวีตข้อความต่อต้านชาวยิวเพิ่มเติมอีกด้วยโดยระบุข้อความตอนหนึ่งในวันที่ 8 ตุลาคม ว่า “I’m going death con 3 On JEWISH PEOPLE” ซึ่งมีความหมายถึงการพร้อมรบกับชาวยิว  แน่นอนว่าทวีตดังกล่าวถูก Twitter ลบออกจากระบบในทันทีและบัญชีของ West ก็ถูกแบนด้วยเหตุผลว่าขัดกับแนวปฏิบัติของชุมชนด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นเสียงเรียกร้องให้บรรดาแบรนด์ต่างๆตัดสัมพันธ์กับ West เริ่มหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบทความของ Ari Emmanuel ซีอีโอบริษัท Endeavor ที่เผยแพร่ผ่านทางหนังสือพิมพ์ Financial Times ที่ออกมาเรียกร้องให้แบรนด์ต่างๆยุติการทำธุรกิจกับ West

“West ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ แต่เขาเป็นบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมป็อปและมีแฟนๆหลายล้านคนทั่วโลก และในหมู่แฟนๆเหล่านั้นมีเด็กๆที่กำลังสร้างมุมมองที่เป็นของตัวเองขึ้นมารวมอยู่ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ ความเกลียดชังและแนวคิดต่อต้านชาวยิวไม่ควรมีที่ทางในสังคมของเรา ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยเงินมากแค่ไหนก็ตาม” Emmanuel ระบุ และว่า “ใครที่ยังทำธุรกิจกับ West ต่อไปกำลังสื่อสารความเกลียดชังผิดๆของ West ให้ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย”

หลังจากนั้นบรรดาภาคธุรกิจก็เริ่มทยอยยุติความสัมพันธ์กับ West อย่างต่อเนื่องเริ่มต้นจากแบรนด์ดังอย่าง Balenciaga ที่ประกาศเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าบริษัทจะไม่ร่วมงานกับ West อีกต่อไป ตามมาด้วยบริษัท MRC ที่ประกาศในวันที่ 24 ตุลาคม ตัดสินใจไม่นำสารคดี Kanye West ที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วออกอากาศ ขณะที่ CAA บริษัทเอเจนซียักษ์ใหญ่ประกาศตัด West ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ออกไปทันที

ก่อนที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา Adidas ที่ถูกกดดันให้ตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ West มาก่อนหน้านี้ก็ตัดสินใจประกาศตัดสัมพันธ์กับ Rapper ดังในที่สุดหลังจาก Adidas ร่วมเป็น Partner กับ West ผลิตรองเท้า sneaker รุ่นที่ได้รับความนิยมมานานนับ 10 ปี อย่าง Yeezy ลง

Adidas ประกาศตัดสัมพันธ์กับ Kanye West ผ่านทางเว็บไซต์

โดย Adidas ออกแถลงการณ์ระบุว่า “Adidas จะไม่ทนกับแนวคิดต่อต้านชาวยิวและวาทกรรมสร้างความเกลียดชังอื่นๆ ความเห็นและการกระทำของเย่ในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถยอมรับได้ เต็มไปด้วยความเกลียดชังและอันตราย และสิ่งเหล่านี้ยังเป็นการละเมิดคุณค่าของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลาย, การเคารพซึ่งกันและกันและความเป็นธรรม”

Adidas เปิดเผยในแถลงการณ์ด้วยว่าบริษัทได้ทบทวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนและจะยุติการผลิตสินค้าในหมวด Yeezy ลง และยุติการจ่ายเงินให้กับ West และบริษัทของ West ทั้งหมด ขณะที่ Adidas ระบุว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบให้กำไรของบริษัทหายไปถึง 246 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นิตยสาร Forbes ระบุว่าการถูกแบนจาก Adidas จะทำให้ West หลุดจากอันดับมหาเศรษฐีและความมั่งคั่งสุทธิของ West จะหายไปถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในวันเดียวกัน Gap แบรนด์แฟชั่นชื่อดังที่แยกทางกับ West ไปตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็ออกมาประกาศเช่นกันว่า Gap จะดำเนินการถอดสินค้าที่เกี่ยวกับกับ West ออกจากร้าค้าของบริษัททั้งหมดและจะยุติธุรกิจใน Yeezygap.com ลงในทันที เช่นเดียวกับ Foot Locker แบรนด์กีฬาดังที่ก็ออกมาประกาศยุติการขายสินค้าของ West ในร้านค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ด้วยเช่นกัน

ไม่เฉพาะการถูกแบรนด์ตัดสัมพันธ์เท่านั้นแต่ West ยังต้องเจอกับผลกระทบตามมาเป็นระลอกไม่ว่าจะเป็น Danial Elk ซีอีโอของ Spotify แพลทฟอร์มสตรีมมิ่งที่ระบุว่าความเห็นของเวสต์นั้นเป็นเรื่อง “เลวร้าย” แต่ไม่ได้มีการถอดเพลงของ West ออกแต่อย่างใดโดยระบุว่าความเห็นของ West เกิดขึ้นนอกแพลทฟอร์ม ขณะที่เพลงของ West ไม่ได้ละเมิดนโยบายของ Spotify แต่อย่างใด

ขณะที่ล่าสุด Madame Tussauds พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ประกาศถอดหุ่น Kenya West ออกจากการจัดแสดงด้วยเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมและการแสดงความคิดเห็นที่ “สร้างความเกลียดชัง” ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในโลกยุคนี้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นที่มาจากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและความหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังคาดหวังที่จะให้แบรนด์สะท้อนแนวคิดเหล่านั้นออกมาผ่านการกระทำมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ที่มา: Billboard, Forbes, National World


  • 2.6K
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE