อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยภาพรวมอีเว้นท์ปี 60 ทรงตัว ปี 59 ได้อานิสงส์จากงานต่างประเทศ เพิ่มขึ้นกว่า 50%

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยผลประกอบการปี 2559 ผ่านฉลุย เป็นผลจากงานต่างประเทศอาเซียนเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 50% เผยตัวเลขปี 2560 มีแบกล็อกแล้วมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เตรียมเพิ่มสัดส่วนน้ำหนักในส่วนการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ รุกธุรกิจเทรดแฟร์ตลาดดาวรุ่ง เดินหน้าส่งออกความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดปี

index-creative-1

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า “เนื่องด้วยธุรกิจอีเว้นท์เป็นธุรกิจที่มีหลายปัจจัยหลักเป็นตัวกำหนด ทั้งเรื่องเหตุการณ์การเมือง หรือแม้แต่เหตุการณ์การสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของคนไทย ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องปรับตัว ซึ่งอินเด็กซ์ฯ ได้มีการวางแผน และปรับตัวทั้งในเรื่องของธุรกิจ และกำลังคนอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ต่างๆ โดยได้ขยายธุรกิจออกสู่ต่างประเทศ ด้วยการวางรากฐานโมเดลทางธุรกิจ เพื่อกระจายความมั่นคงทางรายได้ และเสริมความแกร่งของตลาดในประเทศไทย และต่างประเทศให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ผลประกอบการปลายปี 2559 ผ่านฉลุย ปิดยอดได้อ่อนกว่าเป้าเล็กน้อย ด้วยเหตุปัจจัยความสูญเสียของคนไทย ซึ่งทำให้งานในช่วงปลายปีเลื่อนออกไป ซึ่งปิดยอดอยู่ที่ประมาณ 1,450 ล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก อาทิ ครีเอทีฟ โซลูชั่นส์ (Creative Solutions) 51.% มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Services) 38% อาเซียน วิงส์ (ASEAN Wings) 10% และไลฟสไตล์ เอ็กซ์พีเรียนส์ (Lifestyle Experience) 2%”

“โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจของอาเซียน วิงซ์ ที่อินเด็กซ์ฯ ได้ให้น้ำหนัก และได้วางกลยุทธ์การขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศมานานกว่า 4 ปี ทำให้สัดส่วนในการขยายธุรกิจเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือประมาณ 1 ใน 3 ของกลุ่มอีเว้นท์ มาร์เก็ตติ้งในประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2017 นี้ จะมุ่งไปในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) มากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจากการยกโมเดลธุรกิจในประเทศไทยไปใช้ในประเทศเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเวียดนาม ที่กำลังจะมีงานใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมนี้ คือ งาน ฮอย อัน ไลท์ เฟสติวัล 2017 (Hoi An Light Festival 2017) ที่จะเนรมิตเมืองฮอยอันให้เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสนุก ที่ทางอินเด็กซ์ฯ ได้เซ็นต์เอ็มโอยู (MOU) กับสำนักงานวัฒนธรรม การกีฬา และการท่องเที่ยว จังหวัดกว่างนาม เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม (The Department of Culture, Sports and Tourism of Quang Nam province) และบริษัท เวียดนาม เซ็นเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และด้วยกลยุทธ์การขยายงานด้วยรูปแบบของธุรกิจอีเว้นท์ และการสร้างงานในลักษณะโอน อีเว้นท์ (Own Event) อาทิ ธุรกิจเทรดแฟร์ เครื่องมือสำคัญในการขยายตลาดต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ เป็นสะพานในการเชื่อมโยงนักลงทุนจากทั่วโลกหลากหลายอุตสาหกรรม ปัจจุบัน อินเด็กซ์ฯ มีเทรดแฟร์ประจำที่ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมด 4 งานหลักในประเทศเมียนมา และประเทศกัมพูชา คือ งานบิวด์ แอนด์ เดคคอว์ (Build and Decor) งานเทรดแฟร์ด้านวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง งานฟู้ดเบฟ (FoodBev) งานเทรดแฟร์ด้านอาหาร และเครื่องดื่ม งานรีเทลเอ็กซ์โป (Retail Expo) งานเทรดแฟร์ด้านสินค้า สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้า ซึ่งอินเด็กซ์ฯ เป็นเจ้าแรก ที่ริเริ่มเข้าไปปูทาง และเปิดตลาดทางธุรกิจใหม่ๆ คาดการณ์จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มอาเซียน วิงซ์ สูงถึง 15-20%”

“โดยธุรกิจอื่นๆ อินเด็กซ์ฯ เป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มเข้าไปปูทาง และเปิดตลาดทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงกลุ่มธุรกิจด้านการวิจัยแบบเจาะลึก เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ โดยบริษัทเอ็นไวโรเซล ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล งานวิจัยในภูมิภาค ซีแอล เอ็มวี เป็นที่เรียบร้อย ด้านธุรกิจทีวี โดยวิลเลจ เทเลวิชั่น ก็ได้ใช้โมเดลธุรกิจในลักษณะการเป็นครีเอทีฟ คอนเทนต์ โพรไวเดอร์ (Creative Content Provider) โดยในปีที่ผ่านมา ได้ขายฟอร์แมตรายการ เดอะ ด๊อก พาร์ทเนอร์ สู่ตลาดต่างประเทศเมียนมา และเวียดนาม และยังคงขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นพื้นฐานหลักในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์แบบครบวงจร เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“ในส่วนของภาพรวมกลุ่มอุตสาหกรรมอีเว้นท์ในประเทศไทยนั้น ยังคงทรงตัวไปจนถึงปลายปี 2560 หลังจากที่มีการเลื่อนการจัดงานจากปลายปี 2559 ด้วยสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะกับงานอีเว้นท์ประเภทบันเทิงที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบออกไปตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับอารมณ์ และความรู้สึกของผู้บริโภคที่ยังอยู่ในสภาวะโศกเศร้า ประกอบกับปัจจัยหนุนที่ยังต้องรอดูความชัดเจนจากทางรัฐบาล อาทิ การเลือกตั้ง การลงทุนด้านอินฟราสตรัคเจอร์ในระบบราง และพระราชพิธีพระบรมศพ เป็นต้น เช่นเดียวกับอินเด็กซ์ฯ ได้เลื่อนการจัดงานบางส่วนออกไปต้นปีหน้า และบางส่วนได้ปรับเปลี่ยนสถานที่การจัดงานจากในไทยไปยังต่างประเทศ อาทิ งาน อนาเธอร์เวิล์ด มิวสิค เฟสติวัล 2017 (Another World Music Festival 2017) ไปยังประเทศเวียดนามก่อน ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้”

“ด้านภาพรวมของธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ ในปีหน้านั้น มีงานสเกลใหญ่จำนวน 5-6 งานหลัก ทำให้มี Backlog อยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่มาจากทั้งภาครัฐบาล และเอกชน คาดการณ์ด้านผลประกอบการจะเติบโตสูงถึง 10-15% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา และเตรียมส่งโปรเจคสร้างสรรค์ที่สร้างความสด และใหม่ให้กับวงการทันที ด้วยพื้นฐานหลักของความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างครบวงจร” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย

[ข่าวประชาสัมพันธ์]


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •