ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจลงทุนอย่างไรให้พอร์ตไม่พัง

  • 49
  •  
  •  
  •  
  •  

ปรับพอร์ตการลงทุน

ในยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจผันผวนอยู่ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น โควิด-19 รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่ทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือแม้แต่กระทั่งปัญหาการสู้รบกันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวกลายเป็นโดมิโนไปทั่วโลก ฉะนั้นนักลงทุนเมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้อาจจะต้องมีการปรับพอร์ตของตัวเอง ไปตามสถานการณ์นั้น ๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับพอร์ตของเราได้

จากเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อเนื่องกันอย่างรุนแรงและรวดเร็วในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ จนนักลงทุนบางส่วนปรับพอร์ตการลงทุนไม่ทัน คำถามคือ ถึงจุดนี้ยังควรปรับพอร์ตหรือไม่ และและควรปรับพอร์ตอย่างไร จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group – Executive Chairmanเคแบงก์ Private Banking Group – Executive Chairman ธนาคารกสิกรไทย เสนอ 5 แนวทางการปรับพอร์ตสำหรับนักลงทุนระยะยาว เพื่อรับมือกับวิกฤติซ้อนวิกฤติที่เกิดขึ้นทั่วโลก

สำหรับการบริหารจัดการพอร์ตในช่วงเพื่อรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้นทั่วโลก

• ถือหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี
แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลงแรงในช่วงต้นปี แต่เมื่อดูราคาหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในหลายกลุ่ม จะพบว่าราคาลงมาต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาในอดีตและมูลค่าพื้นฐาน และหากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย หุ้นในกลุ่มบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน มีส่วนแบ่งการตลาดสูง รวมถึงมีการเติบโตของรายได้และกำไรในระดับสูงจะปรับตัวขึ้นได้ดี เพราะมีคนรอซื้ออยู่มาก อย่างไรก็ตาม หากขายในช่วงนี้เพื่อรอซื้อใหม่แต่จับจังหวะผิด อาจพลาดการทำกำไรช่วงตลาดฟื้นตัวและจมอยู่กับผลขาดทุนได้

• ทยอยเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูก
หากนักลงทุนได้มีโอกาสขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว และถือเงินสดอยู่บ้าง น่าจะทยอยเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูกที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็ว เช่น หุ้นกลุ่มผู้ชนะในเศรษฐกิจใหม่ ที่ราคาลงมาลึก แต่ผลประกอบการดีเกินคาด

• เปลี่ยนการลงทุนเข้าหากลุ่มที่จะฟื้นตัวได้เร็ว
สำหรับพอร์ตที่ลงทุนเต็มที่แล้ว ยังพอมีทางเลือกอีกวิธีเพื่อฟื้นพอร์ตกลับมาอีกครั้ง ด้วยการสลับกองทุนเข้าหากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โดยจะช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ดีกว่าการขายออกแล้วถือเงินสด เช่น ขายกองทุนที่ราคาลงไม่มากไปซื้อกองทุนที่ราคาลงมากกว่า โดยเน้นกลุ่มที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีโอกาสฟื้นตัวได้มากกว่า

• ปรับพอร์ตเพื่อเตรียมรับวัฏจักรเศรษฐกิจ
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง นักลงทุนควรเริ่มการปรับพอร์ตเพื่อเตรียมตัวรับวัฏจักรเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เช่น ภาวะเงินเฟ้อสูงระยะยาวร่วมกับเศรษฐกิจที่โตระดับต่ำ ในกรณีนี้นักลงทุนอาจเลือกลดการถือครองหุ้นที่โตช้าไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มการเงิน หรือหุ้นยุโรป ลดการถือครองพันธบัตรและหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนต่ำและราคาลดลงหากดอกเบี้ยปรับขึ้น และเพิ่มการลงทุนที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ อาทิ สินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้นเติบโตสูง เป็นต้น

• เลือกกองทุนที่มีการบริหารแบบเชิงรุก
ในภาวะผันผวนสูง ถือเป็นการดีสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่เลือกกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนช่วยบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก เพราะผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่เป็นแนวหน้าให้นักลงทุนในการปรับพอร์ตของกองทุนที่ถืออยู่ เช่น การปรับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ โดยลดอายุของพันธบัตรและหุ้นกู้ลงเพื่อลดผลกระทบจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การปรับกองทุนหุ้นด้วยการลดการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤตการณ์ และการปรับกองทุนผสมด้วยการปรับลดสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตลง

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับหลายสถานการณ์ ทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างแน่นอน หากเรารู้จักปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์ก็จะเป็นการรักษาเงินต้นให้คงอยู่ได้ หรือหากไม่มั่นใจช่วงนี้ก็อาจจะต้องงดการลงทุนไปก่อนและถือเงินสดไว้เพื่อรอดูสถานการณ์นั้น ๆ ให้ชั่วร์เสียก่อนก็ย่อมทำได้เช่นกัน


  • 49
  •  
  •  
  •  
  •  
sabuysuk
การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ล้วนแล้วแต่ได้กำไร