Tokyo Olympics 2020 ดึงความสนใจคนไทยได้แค่ไหน?

  • 821
  •  
  •  
  •  
  •  

ก่อนมหกรรม Tokyo Olympics 2020 จะเริ่มขึ้น ได้เคยมีการคาดการณ์ว่ามหกรรมโอลิมปิกในครั้งนี้ ความสนใจและบรรยากาศการติดตามรับชมการแข่งขันของผู้ชมทั่วโลกที่ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของ Covid-19 อยู่ น่าจะส่งผลทำให้กระแสการติดตามรับชมไม่น่าจะคึกคักและมีผู้ติดตามชมไม่มากเท่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา

สำหรับประเทศไทยเองได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า กระแสความสนใจและการติดตามรับชมมหกรรมกีฬาดังกล่าว น่าจะไม่คึกคักเท่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา เพราะคนไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิดอย่างหนักหนาสาหัสอยู่ แต่ด้วยพื้นฐานของคนไทยที่ผูกพันและชื่นชอบในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม หลังพิธีเปิดสิ้นสุดลงกระแสความชื่นชอบและการพูดถึงรายละเอียดต่างๆของพิธีเปิดก็พุ่งสูงขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลก Social ดันแฮชแท็กที่เกี่ยวกับ Tokyo Olympics 2020 ติด Top Twitter Trend ของไทย อาทิ #Olympics #Tokyoolympics2020 #Olympics2020 #Tokyo2020 #โอลิมปิกเกมส์ และนอกจากนั้นยังมีอีกหลากหลาย Topics ที่เป็น Top retweet เช่น มีพูดถึงการแสดงสัญลักษณ์กีฬาในพิธีเปิดครั้งนี้ “Pictogram” การพูดคุยถึงการจุดคบเพลิงของเจ้าภาพครั้งก่อนๆและพูดคุยกันว่าใครทำได้ว้าวที่สุด เป็นต้น

และในช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 24 กรกฏาคม ที่พีคที่สุดคือการแข่งขันกีฬาเทควันโดรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัมหญิงที่ ‘เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ หรือ คว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับทัพนักกีฬาไทย และเป็นเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมเทควันโดไทย สร้างความดีใจ ความคึกคัก ความสุขให้กับแฟนผู้ชมชาวไทย และปลุกกระแสการร่วมเชียร์นักกีฬาไทยที่เป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่ง Tokyo Olympics ในครั้งนี้รวม 42 คนจาก 14 ชนิดกีฬาได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้จากสภาวะวิกฤตโรคระบาดและมาตรการ Lockdown ส่งผลให้คนอยู่บ้าน และชมการถ่ายทอดสด Tokyo Olympics ได้ง่ายมากขึ้น ผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งฟรีทีวี 7 ช่องคือ PPTV, True4U, JKN18, GMM25, NBT, Thai PBS, T Sports รวมถึงการถ่ายทอดสดผ่าน AIS PLAY และ Social Platforms ของสื่อดังกล่าว เพื่อให้คนไทยสามารถรับชมได้ทุกชนิดกีฬา โดย

ช่วง 6 วันแรก Tokyo Olympics 2020 มีจำนวนผู้ชมมากกว่า 13.5 ล้านคน หลังพิธีเปิดเริ่มขึ้น (ข้อมูลจำนวนผู้ชมรวมผ่านฟรีทีวี วัดผลโดย Nielsen Media Research) ยังไม่รวมผู้รับชมผ่าน Social Platforms ต่างๆและ AIS Play ซึ่งรวมแล้วน่าจะมีผู้ชมรวมไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน

 

 

อย่างไรก็ตาม ทาง MI Group มองว่า หากเปรียบเทียบจำนวนผู้ชม Tokyo Olympics กับ Rio Olympics 2016 ไม่สามารถวัดจำนวนผู้ชม (Rating) ได้โดยตรงเพราะภูมิทัศน์สื่อ (Changing Media Landscape) ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดย Tokyo Olympics 2020 ในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นมหกรรม Olympics แรกที่จัดขึ้นในยุคที่ Social Media มีบทบาทหลักอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก และยังช่วยขับเคลื่อนความคิด ความเชื่อและพฤติกรรมของคนทั่วโลก

ประเด็นเหล่านี้ ดูเหมือนเจ้าภาพ “ญี่ปุ่น” ตระหนักและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก พิธีการและการแสดงต่างๆ มีการให้ความสำคัญในเรื่อง Diversity (ความหลากหลาย) & Equality (ความเท่าเที่ยม), Humble (ความถ่อมตัว), Commitment (ความมุ่งมั่น), Solidarity (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน) ซึ่งคอนเท้นต์เหล่านี้ถูกสอดแทรกเข้าไปในพิธีเปิดและการแสดงต่างๆ และถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว ชัดเจนและเป็นที่น่าประทับใจ สอดรับกับพฤติกรรมการเสพสื่อของประชากรโลกยุคใหม่ ทั้ง online และ offline อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ตัวเลขจำนวนผู้ชมการถ่ายทอดสดของไทยผ่านฟรีทีวี (Broadcast TV) ก็มีจำนวนมากขึ้นทุกช่องอย่างมีนัยสำคัญ

 

สำหรับผู้ชมกลุ่มหลักๆ ของ Tokyo Olympics คือ ‘กลุ่มคนกรุงเทพและคนเมือง รายได้ปานกลางถึงสูง อายุ 35ปีขึ้นไป’ โดยที่ในช่วงต้นของมหกรรม Tokyo Olympics ผู้ชมชาวไทยให้ความสนใจกับ กีฬาแบดมินตัน เทควันโด จักรยาน ปิงปอง และยิงปืนมากที่สุด

พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ชมชาวไทยให้ความสนใจในกีฬาที่มีนักกีฬาของไทยเข้าร่วมการแข่งขันเป็นพิเศษ นอกเหนือจากประเภทกีฬาที่มีนักกีฬาของไทยเข้าร่วมการแข่งขัน จากข้อมูลในโอลิมปิกในครั้งที่ผ่านๆมา คนไทยให้ความสนใจและติดตามรับชมประเภทกีฬาเช่น ว่ายน้ำ, ยิมนาสติก, เทนนิส, บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล เป็นต้น

ทั้งจากการรายงานข่าวของสื่อ หรือการติดตามข่าวด้วยตัวผู้ชมเอง คนไทยตั้งหน้าตั้งตาตั้งความหวังอันเต็มเปี่ยม เฝ้าหน้าจอเพื่อรอคอยโมเมนท์ที่ไทยจะคว้าชัยชนะครองเหรียญอีกครั้ง


  • 821
  •  
  •  
  •  
  •