นอกจากเทรนด์ “สังคมสูงอายุ” ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในปัจจุบันและเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอีกมากมาย ในอีกมุมมองความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่บางครั้งอาจถูกมองข้ามไปก็คือ “สังคมคนโสด” ที่เวลานี้คนเลือกที่จะใช้ชีวิตตัวคนเดียวแบบไม่มีคู่มากขึ้น เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ความเปลี่ยนแปลงนี้เองเป็นทั้งความท้าทายสำหรับธุรกิจเดิมและเป็นโอกาสในการเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งล่าสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ก็เพิ่งเปิดบทวิเคราะห์เทรนด์ในเรื่องนี้เอาไว้พร้อมกับแนะนำโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ 5 เทรนด์ด้วยกันซึ่ง Marketing Oops! จะมาสรุปให้ได้อ่านกัน
“สังคมคนโสด” เทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ปัจจุบันค่านิยมและทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตที่อิสระ มีโลกส่วนตัวมากขึ้น รวมไปถึงเหตุผลด้านความไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ ความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านหน้าที่การงานและมุมมองเกี่ยวกับโลกและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่มีแนวโน้มครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับตัวเลขขององค์การสหประชาชาติ (United Nations) ที่ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา (2023) มีคนโสดทั่วโลกมากถึงราว 2.12 พันล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3 พันล้านคน ภายในปี 2030
สำหรับในประเทศไทยแนวโน้มแต่งงานลดลงและเลือกที่จะใช้ชีวิตตัวคนเดียวมากขึ้นไม่ต่างจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่เปิดเผยว่า คน Gen Y มีค่านิยมครองตัวเป็นโสด ไม่สมรส ไม่มีลูก และมุ่งทำงานเพื่อความสำเร็จ หรือให้ความสำคัญกับงานมากกว่าครอบครัวนั่นเอง สถิติการจดทะเบียนสมรสในไทยที่มีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าในช่วงระหว่างปี 2013-2022 อัตราการจดทะเบียนสมรสของคนไทยลดลงจาก 13.1 คู่ต่อพันครัวเรือน ในปี 2013 มาอยู่ที่ 11.3 คู่ต่อพันครัวเรือนในปี 2022 ข้อมูลสถิติของกรมการปกครองยังบ่งชี้ว่า คนไทยมีแนวโน้มหย่าร้างเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยอัตราการจดทะเบียนหย่าเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.7 คู่ต่อพันครัวเรือน ในปี 2013 มาอยู่ที่ 5.4 คู่ต่อพันครัวเรือนในปี 2022 สูงที่สุดในรอบ 10 ปี
“คนโสด” คือกลุ่มประชากรศักยภาพสูง
สิ่งที่ทำให้ประชากรกลุ่มนี้น่าสนใจก็คือ นอกจากคนโสดจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกแล้ว คนโสดยังมีแนวโน้ม “ปรนเปรอตัวเอง” (Self indulgence) กล้าใช้จ่ายเงินเพื่อเปย์ให้ตัวเองมากกว่าคนที่มีครอบครัวแล้ว เพราะคนกลุ่มนี้จะมีภาระน้อยกว่าคนที่มีครอบครัว จึงทำให้กล้าใช้จ่ายเงินเพื่อให้รางวัลและปรนเปรอความสุขของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ การซื้อรถยนต์ ซื้อของเล่นหรือของสะสมราคาแพง การออกไปรับประทานอาหารอร่อย ๆ นอกบ้าน การเข้าคลินิกเสริมความงามหรือสปา การเดินทางท่องเที่ยวหรือผจญภัยเพื่อซื้อประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในชีวิตให้กับตัวเอง หรือแม้แต่การใช้จ่ายเงินเพื่อพัฒนาและยกระดับความรู้ความสามารถตัวเองเพื่อนำไปสู่ความก้าวหน้าในสายอาชีพ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจเพราะจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงกลุ่มใหญ่ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ “คนโสด” ยังมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างจากคนมีคู่ส่วนใหญ่ โดยงานวิจัยด้านพฤติกรรมมนุษย์ของ London School of Economics (LSE) พบว่าคนโสดหรือคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมักจะมีความสุขในการใช้ชีวิตและมีอายุยืนยาวกว่าคนที่แต่งงานแล้วเพราะ คนโสดส่วนใหญ่เป็นคนที่รักตัวเองและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เพราะมองเห็นความสามารถของตัวเองที่สามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคู่ชีวิต คนโสดส่วนใหญ่เป็นคนอารมณ์ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ต้องเสียสุขภาพจิตจากการทะเลาะเบาะแว้งหรือหงุดหงิดจากปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ในชีวิตคู่ หรือภายในครอบครัว และสุดท้ายคือ คนโสดจะมีเวลาโฟกัสกับตัวเองและได้มีโอกาสทำสิ่งที่ตัวเองรักหรือสนใจมากกว่าคนที่มีครอบครัวแล้ว เป็นต้น
ด้วยลักษณะพิเศษของกลุ่ม “คนโสด” เหล่านี้ที่กำลังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆจึงเกิดเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มคนโสดและนี่คือ 5 โมเดลธุรกิจที่น่าสนใจศึกษาที่อาจเป็นโอกาสใหม่ รวมถึงเป็นทิศทางการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการของคนกลุ้มนี้ได้มากขึ้น
1. Solo Dining – โมเดลธุรกิจร้านอาหารแบบทานคนเดียว
เทรนด์นี้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วโดยเฉพาะหลายประเทศของเอเชีย โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจาก “สังคมคนโสด” จนมาสู่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในไทยก็เริ่มมีโมเดลธุรกิจร้านอาหารในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อเกาะกระแส Solo dining ในลักษณะ “New concept store” เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการคนเดียวมากขึ้น โดยมีอุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะอาหาร เช่น หม้อต้มชาบูหรือกระทะปิ้งย่างส่วนตัว รวมทั้งเซตอาหารที่เหมาะสมสำหรับการทานคนเดียวไว้ให้บริการ
สำหรับแนวทางการปรับตัวของธุรกิจเพื่อรับกระแส Solo Dining ก็เช่น การเพิ่มสัดส่วนโต๊ะเดี่ยวสำหรับนั่งทานคนเดียว, เพิ่มฉากกั้นสร้างความเป็นส่วนตัว, เพิ่มโต๊ะแบบ Conner Table สำหรับนั่งคนเดียว, มีเมนูอาหารสำหรับทานคนเดียว, ปรับปริมาณอาหารในราคาที่เหมาะสม, อุปกรณ์การสำหรับการทานคนเดียว, ใช้เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายเช่นระบบจองโต๊ะออนไลน์, ทำ Digital Menu รวมไปถึงการใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารเป็นต้น
2. Meal Kits Delivery ตอบโจทย์วิถี Solo Living
หนึ่งในโมเดลที่กำลังมาแรงในหลายประเทศก็คือ ธุรกิจส่งวัตถุดิบพร้อมปรุงหรือ “Meal Kits Delivery” นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแล้ว ยังตอบโจทย์ในเรื่องโภชนาการและการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน อีกทั้ง ยังมีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคทั่วไปและผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มอีกด้วย เช่น Dairy-free, Low carb หรือ Plant-based meal kits เป็นต้น
จุดเด่นของโมเดลธุรกิจนี้ก็คือ การได้ทำอาหารที่สดใหม่แบบ Home-cooked meal แต่ลดภาระและความยุ่งยากในการจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร ไม่ต้องเสียเวลาล้างทำความสะอาด ปอกเปลือก ตัดแต่ง หรือหั่นเอง ช่วยประหยัดเงินจากการซื้ออาหารปรุงสำเร็จมารับประทาน ซึ่งสิ่งนี้ตอบโจทย์ Pain points ของกลุ่ม “คนโสด” ที่อยากทำอาหารทานเองแต่ไม่มีเวลาหรือต้องการความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องมีภาระเก็บวัตถุดิบเหลือในตู้เย็นที่กลายเป็น food waste ในอนาคต เรียกว่าตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนด้วย
3. Solo Traveling เทรนด์เที่ยวคนเดียวที่กำลังเติบโต
ปัจจุบันเทรนด์การท่องเที่ยวคนเดียวเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกพิสูจน์จากผลสำรวจทั่วโลกที่พบว่าการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว หรือ Solo Travel เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะผลสำรวจล่าสุดของ Statista เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 พบว่า 63% ของนักท่องเที่ยวที่เป็นเพศชาย และ 54% ของนักท่องเที่ยวที่เป็นเพศหญิง ระบุว่ามีแผนออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชั่นมากมายที่ตอบสนองความต้องการเที่ยวคนเดียวออกมาให้ใช้งานกันมากมายเช่นกัน
ในขณะที่ประเทศไทยจากการสำรวจด้วยระบบ Social listening บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 ธันวาคม 2565 ที่พบว่า “การท่องเที่ยว” เป็นกิจกรรมที่กลุ่มคนโสดในไทยโปรดปรานมากที่สุด โดยมีสัดส่วนมากถึง 58.5% โดยเหตุผลก็มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การได้ใช้เวลาอยู่กับ เป็นการให้รางวัลชีวิตและปรนเปรอตัวเอง สร้างโอกาสในการทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ ก้าวออกจาก Safe zone ของตัวเอง เพื่อมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ มาเติมเต็มให้ชีวิต รวมไปถึงการทางเลือกที่อิสระและมีความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตเป็นต้น
สิ่งที่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรมสามารถปรับตัวตามได้ก็คือ เพิ่มสัดส่วนห้องพักที่เป็นประเภทห้องเดี่ยวหรือเตียงเดี่ยว (Single bedroom) ให้มากขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดโต๊ะทานอาหารเป็นโต๊ะเดี่ยวสำหรับนั่งทานคนเดียวมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังอาจนำเสนอบริการหรือจัดให้มีกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ภายในโรงแรมที่เหมาะสมกับลูกค้าที่มาพักคนเดียวเพิ่มเติม รวมไปถึงการเพิ่มเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคนเดินทางคนเดียวได้มากขึ้นด้วย
ในส่วนของธุรกิจนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์ก็สามารถปรับโปรแกรมและรูปแบบการท่องเที่ยวได้เช่นกัน จากเทรนด์จ้างคนขับรถหรือไกด์ส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีบริษัทนำเที่ยวจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เยอะขึ้นโดยใช้จุดขายจากการที่ลูกค้าสามารถวางแผนจัดทริปท่องเที่ยวด้วยตัวเอง พร้อม ๆ ไปกับการได้รับประสบการณ์จากการพบปะเพื่อนใหม่ระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ บริษัทนำเที่ยวบางแห่งยังเจาะ Segment กลุ่มนักเดินทางคนเดียวที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ (Female travelers) เพื่อเพิ่มความอุ่นใจ รวมไปถึงเทรนด์การท่องเที่ยสำหรับคนโสดที่ต้องการหาคู่ ก็เป็นอีกเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน
4. Pet Economy ธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่เติบโตพร้อมสังคมคนโสด
ในประเทศไทยผลสำรวจล่าสุดในปี 2022 พบว่ามีครัวเรือนสัดส่วน 37% ที่มีสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2019 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเลี้ยงสัตว์แก้เหงาช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สังคมสูงอายุ รวมถึงสังคมคนโสดที่ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ยังมีเหตุผลเรื่องของการเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก (Pet parenting) ที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกันโดยผลสำรวจพบด้วยว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงยินดีจ่ายเงินราว 10,000-20,000 บาท ต่อสัตว์เลี้ยง 1 ตัวด้วย
เทรนด์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมายทั้งธุรกิจฟาร์มเพาะเลี้ยงสุนัขและแมว คลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ สปาและโรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์สำหรับสัตว์เลี้ยง ร้านรับฝากดูแลสัตว์เลี้ยงทั้งระยะสั้นและระยะยาว ธุรกิจอาบน้ำและตัดขนโดยช่างมืออาชีพ (Pet grooming) ร้านขายอาหารและอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่ธุรกิจประกันภัยและประกันสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นมาก ในขณะที่ ธุรกิจอื่น ๆ จำเป็นต้องปรับตัวตามเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนโสดรักสัตว์ด้วย เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือโรงแรมที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปใช้บริการ หรือแม้แต่คอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ก็กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นในปัจจุบัน
5. Housing for single person ที่อยู่อาศัยสำหรับคนโสด
อสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสจากกระแสคนโสด โดยพบว่าปัจจุบันผู้ประกอบการในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้มีการออกแบบแนวคิดโครงการเพื่อตอบโจทย์กระแสบ้านคนโสดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น บ้านสำเร็จรูป (Knockdown home) ซึ่งมีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบถ้วน ใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา และที่สำคัญคือสามารถโยกย้ายไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วเนื่องจากใช้เวลารื้อและสร้างใหม่เพียงแค่วันเดียว รวมไปถึงโครงการแนวราบที่ตอบรับความต้องการคนโสดก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับตลาดบ้านเช่าเอง Build-To-Rent (BTR) เติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิดที่เป็นการสร้างบ้านเพื่อให้บรรดาเหล่าคนโสดมาเช่าอยู่รวมกันในลักษณะชุมชน (Community) ก็กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เป็นอีกหนึ่งกระแสตอบรับวัฒธรรมคนรุ่นใหม่ที่นิยมการเช่ามากกว่าการซื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีกหนึ่งโมเดลในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าสนใจคือแนวคิด “Stay alone, live together” เช่นในญี่ปุ่น มีการสร้างที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า “Social residence” เป็นอะพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ที่มีจำนวนห้องตั้งแต่ 50 ห้องขึ้นไปเพื่อเอาใจกลุ่มคนโสด มีจุดเด่นหลักคือ Facility ภายในตัวอาคารที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนโสด เช่น มีเล้าจ์หรือห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่สำหรับสังสรรค์ รวมทั้งพื้นที่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ร่วมกัน
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้ม “สังคมคนโสด” ที่กำลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องจับตาและปรับตัวตามเทนด์เหล่านี้เพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆและปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้นได้ในอนาคต