เผยพฤติกรรมการชอปปิ้งออนไลน์ และการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ในประเทศไทยในปี 2564 โดย e-Marketplace เป็นช่องทางยอดนิยมของนักชอปออนไลน์ และ Gen Z ทุบสถิติเป็นปีแรกใช้อินเทอร์เน็ตนานที่สุด เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง 5 นาที ชนะ Gen Y แชมป์ 6 สมัย
จากผลสำรวจ Thailand Internet User Behavior 2021 ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ซึ่งได้สรุปถึงพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและชอปปิ้งออนไลน์ของผู้ใช้ในไทยไว้หลายประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
กลุ่ม Gen Z ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากสุด แซงหน้า Gen Y แชมป์เก่า
ในปี 2564 กลุ่ม Gen Z (อายุน้อยกว่า 21 ปี) เป็นกลุ่มที่มีสถิติใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุด เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง 5 นาที แซงกลุ่ม Gen Y (อายุ 21-40 ปี) อดีตแชมป์ 6 สมัยที่ใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุด ซึ่งปีนี้มีการใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง 52 นาที ส่วน Gen X (อายุ 41-56 ปี) ใช้เฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง 12 นาที และ Baby Boomer (อายุ 57-75 ปี) ใช้น้อยที่สุด เฉลี่ยวันละ 6 ชั่วโมง 21 นาที
สำหรับกิจกรรมออนไลน์ที่กลุ่ม Gen Z ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตมากที่สุด ได้แก่ ‘เรียนออนไลน์’ เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง 23 นาที รองลงมา ‘ดูรายการโทรทัศน์ ดูคลิป ดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์’ เฉลี่ยวันละ 4 ชั่วโมง 11 นาที และ ‘ติดต่อสื่อสารออนไลน์’ เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง 39 นาที
ขณะที่ภาพรวมผู้ตอบแบบสอบสำรวจส่วนใหญ่มีการใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง 36 นาที โดยวันทำการที่ต้องเรียนหรือทำงาน จะใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง 55 นาที มากกว่าวันหยุดที่ใช้ 9 ชั่วโมง 49 นาที
กิจกรรมออนไลน์ที่นิยมทำมากที่สุด 10 อันดับแรก
การติดต่อสื่อสาร 77%
ดูรายการโทรทัศน์ ดูคลิป ดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ 62.4%
ค้นหาข้อมูลออนไลน์ 60.1%
อ่านข่าว บทความ หรือหนังสือ 54.2%
ซื้อสินค้า บริการ 47.7%
รับ-ส่งอีเมล 45.0%
ทำธุรกรรมทางการเงิน 41.7%
เพื่อการช่วยเรื่องการออกกำลังกาย ติดตาม ประเมินเกี่ยวกับสุขภาพ 34.8%
การสั่ง Food Delivery 34.1%
การเข้าร่วมกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน 32.7%
e-Marketplace ช่องทางยอดนิยมชอปออนไลน์ – Facebook ช่องทางที่ผู้ขายนิยมขายสินค้ามากสุด
มาถึงพฤติกรรมการชอปปิ้งออนไลน์กันบ้าง จากผลสำรวจดังกล่าว พบว่า ช่องทางที่ผู้ซื้อนิยมซื้อสินค้า/บริการออนไลน์มากที่สุด คือ ซื้อผ่านแพลตฟอร์ม e-Marketplace สูงสุด ซึ่งผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเลือกซื้อนั้น เหตุเพราะว่า
-เป็นแพลตฟอร์มที่สินค้ามีราคาถูก คุ้มค่ากับการซื้อ
-ใช้งานง่าย
-สินค้ามีความหลากหลาย
-ผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นในระบบชำระเงินของแพลตฟอร์ม
ขมีโปรโมชันในช่วงวันสำคัญต่างๆ ในแต่ละเดือนอย่างต่อเนื่อง
โดย e-Marketplace ที่คนนิยมซื้อสูงสุด ได้แก่ Shopee 89.7% ตามด้วย Lazada 74.0% Facebook 61.2%
ส่วนช่องทางที่ผู้ขายนิยมขายสินค้าผ่านมากที่สุด ได้แก่ Facebook 65.5% Shopee 57.5% และ LINE 32.1% เหตุผลเพราะว่า ผู้ขายส่วนใหญ่เลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย มีชื่อเสียง สามารถทำการตลาดได้ตรงตามวัตถุประสงค์และตรงกลุ่มเป้าหมาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการถูก และมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เป็นต้น
สำหรับสิ่งที่กังวลหรือปัญหาที่เกิดขึ้นใน ‘การซื้อขายของออนไลน์’ สำหรับผู้ซื้อแล้วหนีไม่พ้นในประเด็นสินค้าไม่ตรงตามที่สั่ง เช่น ผิดสี ผิดขนาด ไม่ตรงปก อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง นอกจากนี้จะมีประเด็นสินค้าที่ได้รับเกิดความเสียหาย ค่าขนส่งแพง สินค้าไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล และเรื่องความไม่เชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลในแพลตฟอร์ม
ขณะที่ปัญหาที่ผู้ขายพบมากสุด คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่สูง เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย/ค่าคอมมิชชัน ค่าธรรมการชำระเงิน ค่าขนส่ง ปัญหาต่อมา คือ สินค้าชำรุด สูญหายระหว่างการขนส่ง นอกจากนี้ ยังมีในมุมของการแข่งขันที่สูง การที่ผู้ขายส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ในการทำธุรกิจออนไลน์ และเรื่องอัตราค่าจัดส่งที่ค่อนข้างสูง
สำหรับช่องทางการชำระเงินค่าสินค้า บริการออนไลน์ที่คนเลือกใช้มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
-แอปพลิเคชันของธนาคาร (Mobile Banking) 59.9%
-การชำระเงินปลายทาง (Cash on Delivery) 53.4%
-การใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิต 46.8%
-การโอนเงิน หรือชำระเงินผ่านบัญชีโดยไปที่ธนาคาร 38.4%
-การใช้ Wallet ของแพลตฟอร์มที่เปิดให้บริการ เช่น Lazada Wallet, Shopee Wallet อยู่ที่ 34.7%
ขณะที่ความกังวลต่อการใช้ช่องทางออนไลน์ในการชำระเงินเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น ประเด็นที่คนทำธุรกรรมการเงินออนไลน์กังวลหรือเป็นปัญหามากที่สุด คือ ความไม่เชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของแพลตฟอร์ม รองลงมา คือ ความกังวลเรื่องการถูกหลอกลวง เช่น ในรูปแบบของการใช้อีเมลหรือหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกเอาข้อมูล และปัญหาที่อาจจะส่งผลต่อความไม่สะดวกในการซื้อของออนไลน์ในบางร้าน คือ การไม่มีบริการรับชำระเงินออนไลน์ไว้ให้บริการกับลูกค้า เป็นต้น
ประเด็น Hot Issue เกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็น New Normal สูงที่สุด 10 อันดับแรก ซึ่งถือเป็นกิจกรรมออนไลน์ที่จะมีการทำอย่างต่อเนื่องแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะลดลงแล้วก็ตาม ได้แก่ กิจกรรมดังตารางข้างล่างนี้