ด้วยพฤติกรรมกลุ่มนักท่องเที่ยวในปัจจุบันเรียกว่าเปลี่ยนแปลงเร็วมาก พอๆ กับการส่งจรวดขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลกก็ว่าได้ ขณะที่ยุคดิจิทัลก็รุกคืบเข้ามาเพิ่มบทบาทในไลฟ์สไตล์ของคนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่กลุ่มนักท่องเที่ยวนิยมซื้อแพ็คเกจทัวร์จาก “ทัวร์เอเจนซี่” แต่เดี๋ยวนี้อาจจะมีเพียงแค่ประปรายไม่มากเท่าแต่ก่อน เพราะเครื่องมือตัวช่วยที่หลากหลายขึ้น ซึ่งก็ช่วยสร้างประสบการณ์ดีๆ ในการท่องเที่ยวได้ไม่ต่างกัน
“แอปพลิเคชั่น” เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวในยุคนี้มากที่สุด ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้แอปฯ สำหรับวางแผนทริปเที่ยวเพิ่มความสะดวกสบาย ตั้งแต่การจองห้องพัก/โรงแรม การเช่ารถ แม้แต่การจองร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ ระหว่างทริป นี่ยังไม่นับรวมแอปฯ อื่นที่เอาไว้ใช้ในการรีวิวร้านอาหาร หรือการจัดอันดับร้านอาหารที่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวให้ชีวิตง่ายขึ้น
การสำรวจของ Marketing Cloud Travelport ระบุว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวกว่า 16,000 คนจาก 25 ประเทศทั่วโลก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการท่องเที่ยว ทั้งยังมองว่าการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น คำสั่งเสียงเพื่อค้นหา, อี-เพย์เมนต์ และ ระบบกุญแจห้องอัตโนมัติ กำลังได้รับความสนใจโดยมองว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ระหว่างทริป
นอกจากการบุกกิ้งสารพัดสิ่งผ่านออนไลน์ ราว 65% ของคนที่ตอบแบบสอบถามระบุด้วยว่า พวกเขานิยมใช้แอปฯ เพื่อเช็คสถานะไฟล์ทบินแบบเรียลไทมส์ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แผนเที่ยวรันได้แบบไม่สะดุด รวมไปถึงให้ความสำคัญมากกับแอปฯ ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต หรือ WiFi
ทั้งนี้ หลายๆ เว็บไซต์ที่โด่งดังเรื่องการท่องเที่ยวอย่าง “Designsfortravel” และ “Theplanetd” ได้รวบรวมแอปฯ ที่เป็นประโยชน์ติด Top 5 และแนะนำว่าต้องมีในปี 2020 เพื่อให้เที่ยวได้อย่างสบายใจ โดยแอปฯ ที่ถูกจัดว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการบอกเส้นทางเป็น GPS ให้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต ได้แก่ 1.CityMaps2Go และ 2.Google Offline Map ซึ่งเป็นแอปฯ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2019 ด้วย
ขณะที่เทรนด์การท่องโลกด้วยตัวเอง หรือกลุ่ม FIT มีส่วนให้เกิดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น “Halal Tourism” สำหรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมที่ช้อป-เที่ยว-กิน-นอน ได้แบบถูกจริตกับหลักศาสนา หรือจะเป็น “Ecotourism” ท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์นิยม ดังนั้นการที่เข้าถึงคนท้องถิ่นได้มากที่สุดเพื่อสัมผัสโอกาสที่หาไม่ได้จากโปรแกรมบริษัททัวร์ แอปฯ ที่ต้องมีและต้องดาวน์โหลดเก็บไว้ตั้งแต่ยังไม่ออกทริป ก็คือ 3. GoogleTranslate นอกจากที่เราสามารถตั้งค่าเพื่อใช้แบบออฟไลน์ได้ง่ายๆ แอปฯ นี้ยังมีนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามากๆ ใครก็สามารถใช้ได้ แม้แต่คนพิการเพราะมีระบบคำสั่งเสียง และฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกเพียบ
ส่วนแอปฯ ที่ 4 ที่แนะนำว่าต้องมีโดยเฉพาะสาวกนักช้อปมืออาชีพ ก็ต้องเป็นแอปฯ เพื่อใช้เช็คเรทสกุลเงินตราต่างประเทศ “XE Currency” ซึ่งสามารถแปลงค่าสกุลเงินต่างๆ ได้มากกว่า 150 สกุลเงินทีเดียว ที่สำคัญเวอร์ชั่นล่าสุดนั้นเราสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้อีกด้วยนะ
อันดับสุดท้ายก็คือ แอปฯ “Google Trips” ในเมื่อมีตั๋วบินแล้ว มีที่พักแล้ว เราก็ต้องมีเครื่องมือช่วยวางแผนทริปให้เราด้วย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารชิคๆ หรูๆ หรือแนวสตรีทฟู้ดแค่ไหนก็หาเจอ ยังไม่รวมจุดช้อปปิ้งต่างๆ แอปฯ นี้จะขึ้นแนะนำทันทีที่เราเสร็จสิ้นการบุกกิ้งการเดินทาง เรียกว่าช่วยประหยัดเวลาก่อนเดินทางได้เยอะ ยังเหลือเวลาอีกเพียบในการหาพร็อพสวยๆ ยัดใส่กระเป๋า
ส่วนบุกกิ้งแอปฯ ที่เว็บท่องเที่ยวจัดให้เป็น Top of the best ในปี 2020 ยังหนีไม่พ้น Skyscanner, TripAdvisor, Kayak และ Airbnb
จะว่าไปเดี๋ยวนี้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็แข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น ทั้งห้ำหั่นราคาตั๋วบินโดยสาร ราคาที่พัก แพ็กเกจทัวร์ โปรไฟไหม้ต่างๆ ไม่พอยังมีแอปฯ ดีๆ ที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีๆ แถมเวลาใช้ยังไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต หรือ WiFi เห็นแบบนี้แล้วปี 2020 ธุรกิจเดินทางข้ามพรมแดนคงคึกคักน่าดู
ที่มา : the planetd , designs for travel , mobileappdaily
