ในช่วงเดือนที่ผ่านมา Apple Watch เพิ่งอัพเดท WatchOS 10 ระบบปฏิบัติการใหม่ที่ใช้ได้กับ Apple Watch Series 4 ขึ้นไปโดยปรับปรุงการใช้งานหลายฟีเจอร์ด้วยกัน แต่ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจโดยเฉพาะกับชุมชนนักปั่นจักรยานก็คือฟีเจอร์การปั่นจักรยานที่แก้ Pain Point เดิมๆของนักปั่นขาแรงไปได้อย่างน่าสนใจ
เดิมหากนักปั่นที่ต้องการวัดข้อมูลการปั่นเช่นการวัดความเร็ว ด้วย Speed Sensor วัดรอบขาด้วย Cadence Sensor และวัดกำลังด้วย Power Meter รวมถึงวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Reate Sensor) แบบแบ่งโซนไปพร้อมๆกัน เราจะต้องซื้อหน้าจอแสดงผลหรือที่เรียกว่า “ไมล์จักรยาน” (Bike Computer) ที่ติดบนแฮนด์จักรยาน รวมถึงอุปกรณ์วัดผลแบบต่างๆเพิ่มเติมและเก็บข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นที่รองรับโดยเฉพาะ
ล่าสุดใน watchOS 10 ที่ผู้ใช้งาน Apple Watch Series 4 เป็นต้นไปที่อัพเดทเรียบร้อยแล้วจะสามารถปั่นจักรยานร่วมกับการใชัแอป “ออกกำลังกาย” แสดงผลข้อมูลต่างๆผ่าน iPhone ทำให้นักปั่นสามารถติด iPhone เอาไว้ดูข้อมูลที่แฮนด์จักรยานได้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อเก็บข้อมูลความเร็วจาก Speed Sensor ที่ติดไว้ที่ล้อ และเก็บข้อมูลรอบขาจาก Cadence Sensor ที่ติดไว้ที่ขาบันได รวมถึงข้อมูลกำลังจาก “บันไดแบบ Power Meter” ได้แล้ว
นั่นทำให้การปั่นจักรยานจะทำได้ง่ายขึ้นมากแค่เชื่อมต่อ Sensor ต่างๆผ่าน Blutooth กับ Apple Watch กดเริ่มปั่นจักรยาน ก็สามารถใช้ iPhone แทนไมล์จักยานได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถแสดงข้อมูลกำลังแบบเป็นแบ่งโซนๆหรือ FTP เพื่อเป็นข้อมูลขณะปั่นได้ด้วย
iPhone ใช้เป็นไมล์จักรยานได้แล้ว
ฟีเจอร์ใหม่ใน watchOS 10 คือเมื่อเรากดเริ่มปั่นจักรยานจะมี Pop-Up live activity แจ้งเตือนขึ้นมาใน iPhone เมื่อกดเข้าไปหน้าจอ iPhone ก็จะกลายเป็นหน้าจอแสดงผลข้อมูลการปั่นจักรยานของเราแบบเดียวกันกับ “ไมล์จักรยาน” ที่เดิมเราอาจต้องซื้อแยก ที่เราต้องทำก็คือหาเมาท์สำหรับติดไอโฟนกับแฮนด์จักรยานที่มีมากมายหลายแบรนด์ในท้องตลาดมาใช้
ฟีเจอร์นี้ดีมากๆสำหรับการปั่นจักรยานเพราะเดิมเวลาที่เราใส่ Apple Watch ปั่นจักรยานแล้วเราอยากจะดูข้อมูลต่างๆเราต้องยกข้อมือขึ้นมาดูทำให้เราต้องปล่อยมือข้างใดข้างหนึ่งจากแฮนด์จักรยาน ฟีเจอร์ใหม่นี้จึงเพิ่มความสะดวกและเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขณะปั่นจักรยานลงได้ด้วย
ข้อมูลต่างๆที่แสดงผลบน iPhone จะเป็นไปตามที่เราได้ตั้งค่าไว้ใน Apple Watch โดยสามารถปัดเปลี่ยนหน้าจอเพื่อดูข้อมูลต่างๆได้ง่ายมากกว่าการปัดหน้าจอบน Apple Watch และยังสามารถ Pause, Resume หรือ หยุดการปั่นจักรยานจากหน้าจอ iPhone ได้อย่างง่ายดายด้วย
การเชื่อมต่อกับ Sensor จักรยาน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Apple Watch สามารถเชื่อมต่อกับ Sensor จักยานระบบ Bluetooth ได้แล้วเพื่อวัด”ความเร็ว” (Speed Sensor) “รอบขา” (Cadence Sensor) และ “วัดกำลัง” (Power Meter) โดยวิธีเชื่อมต่อทำได้เหมือนกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Blutooth ทั่วไป เริ่มจากเปิดอุปกรณ์ Sensor ให้เข้าสู่โหมดการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อด้วย Apple Watch ในโหมด Setting และ Blutooth เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
นอกจากนี้ในการเชื่อมต่อ Speed Sensor และ Power Meter ยังให้เราสามารถใส่ข้อมูลขนาดของล้อ และความยาวขาบันไดได้เพื่อให้การวัดแม่นยำมากขึ้นด้วย ซึ่งการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์เหล่านี้นอกจากจะนำไปใช้กับโหมดปั่นจักรยานแบบ outdoor แล้วยังเหมาะกับการใช้งานกับการปั่นจักรยานกับ Trainer สำหรับการปั่นจักรยานในร่มด้วยเรียกว่าให้มาแบบครบๆจริงๆ
ตรวจจับโซนกำลังโดยอัตโนมัติ
อีกฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาใน WatchOS 10 ที่น่าจะถูกใจนักปั่นด้วยก็คือการสามารถดูข้อมูลโซนกำลังหรือ Functional Threshold Power (FTP) เพื่อคำนวนขีดจำกัดพลังระหว่างการปั่นว่าอยู่ในโซนไหนและใช้เวลานานแค่ไหนในแต่ละโซน เพื่อใช้ในการพัฒนาความสามารถในการปั่นจักรยานให้ดีขึ้น
ระบบ FTP ใช้ได้เมื่อ Apple Watch เชื่อมต่อกับ Sensor ที่สามารถใช้งานบลูทูธได้ เช่น พาวเวอร์มิเตอร์ เซ็นเซอร์ความเร็ว และเซ็นเซอร์รอบขาโดย Apple Watch จะคำนวน FTP แบ่งออกเป็น 5-8 เซ็กเมนต์ ซึ่งแสดงเป็นระดับการใช้แรงโดยประมาณเรียงจากน้อยไปมาก โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถแสดงผลได้ก็ต่อเมื่อเราบันทึกข้อมูลวันเกิด ส่วนสูง และน้ำหนักในแอปฟิตเนสบน iPhone แล้วเท่านั้น
เรียกว่าเป็นอัพเดท watchOS ที่น่าจะถูกใจสายสุขภาพโดยเฉพาะคนที่ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานทั้งแบบ Outdoor และ Indoor ที่นอกจากจะสามารถใช้แอปออกกำลังกายร่วมกับ iPhone แสดงผลข้อมูลได้แล้วและยังสามารถเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ Blutooth ที่นักปั่นจักรยานใช้กันมาแสดงผลข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้นักปั่นพัฒนาความสามารถในการปั่นจักรยานได้ และข้อมูลเหล่านั้นยังสามารถนำมาเก็บไว้ในแพลทฟอร์มเดียวกันเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้นจริงๆ