ดูเหมือนกระแสการจัดระเบียนธุรกิจของ Big Tech จะกลานเป็นพายุลูกใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างในไทยก็เริ่มการจัดเก็บภาษี e-Service ซึ่งหมายถึง Big Tech ระดับโลกที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยจะต้องเสียภาษีเหมือนธุรกิจต่างชาติรายอื่นๆ หรืออย่างในจีนที่เริ่มมีการใช้กฎหมายเข้าไปควบคุมการผูกขาดของ Big Tech ในจีนจนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจ e-Commerc ไม่ว่าจะเป็น Alibaba หรือ Amazon เป็นต้น โดยเน้นไปที่เรื่องของการผูกขาดการขายสินค้า
ที่เกาหลีใต้เองก็มีการออกกฎหมายจัดระเบียบ Big Tech ด้วยเช่นกัน แต่จะเน้นไปที่ Apple และ Google เนื่องจากทั้ง 2 ค่ายเป็น Big Tech และมีการออกกฎหักค่าธรรมเนียม หรือที่เรามักจะคุ้นในคำว่า GP สูงถึง 30% จากนักพัฒนาแอพพลิเคชัน รวมถึงการบังคับใช้ระบบการชำระเงินของทั้ง Apple ใน App Store และ Google ใน Play Store ซึ่งจะช่วยให้ทั้ง 2 ค่ายยักษ์ใหญ่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงินต่างๆ จากผู้พัฒนาแอพพลิเคชันและร้านค้าได้
ซึ่งที่เกาหลีใต้เห็นชอบผ่านร่างกฎหมายห้าม Apple และ Google บังคับให้นักพัฒนาแอปฯ ใช้ระบบการชำระเงินของตนเอง และการกระทำดังกล่าวถือเป็นการผูกขาดอย่างผิดกฎหมาย ทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่ผ่านการออกกฎหมายในประเด็นเรื่องนี้ หลังจากที่มีข้อพิพาทเรื่องดังกล่าวจนต้องขึ้นศาลตัดสินในหลายประเทศทั่วโลก ร่างกฎหมายของเกาหลีใต้จะเสนอทางเลือกบริการชำระเงิน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านระบบการชำระเงินของ Apple และ Google เพียงอย่างเดียว
คาดว่าร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ของเกาหลีใต้จะกลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับการป้องกันการผูกขาดจาก Big Tech ในประเทศอื่นๆ นอกจากนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ ยังกำลังเตรียมวางแผนที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการชำระเงินทั้งหมดตั้งแต่เดือนตุลาคม นักพัฒนาแอปฯ ในเก่หลีใต้เชื่อว่า หากปราศจากกฎหมายฉบับนี้ สภาพแวดล้อมการทำงานของนักพัฒนาแอปฯ หรือครีเอเตอร์ต่างๆ จะถูกทำลายลงอย่างแน่นอน
ร่างกฎหมายนี้จะช่วยปกป้องความหลากหลายของอุตสาหกรรมการพัฒนาแอปฯ ในเกาหลีใต้ และช่วยให้นักพัฒนาแอปฯ และครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้โดยไม่ต้องกังวลกับค่าธรรมเนียม ขณะที่ทาง Apple และ Google ยืนยันว่าค่าธรรมเนียมดังกล่าวนั้นเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมและเป็นผลตอบแทนที่ยุติธรรมสำหรับการสร้างตลาดแอปฯ ที่ปลอดภัยซึ่งนักพัฒนาสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลก ซึ่งระบบความปลอดภัยจะช่วยสร้างความมั่นใจและเกิดความต้องการใช้แอปฯ เพิ่มมากขึ้น
โดย Apple เชื่อว่า ผู้ใช้งานทั่วโลกที่เคยไว้วางใจในการซื้อแอปฯ จาก App Store จะมีอัตราการซื้อลดลงอันเป็นผลมาจากข้อเสนอนี้ และนำไปสู่โอกาสที่น้อยลงสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ลงทะเบียนมากกว่า 482,000 รายในเกาหลีใต้ที่ปัจจุบันได้รับรายได้มากกว่า 8.55 ล้านล้านวอนหรือราว 2.3 แสนล้านบาท โดยทั้ง Apple และ Google ครองตลาดแอปฯ ออนไลน์ในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลกและเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยี
ขณะที่ Play Store ของ Google สามารถสร้างรายได้เกือบ 6 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 5.2 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.6 แสนล้านบาทในปี 2019 คิดเป็น 63% ของยอดทั้งหมดของประเทศ ตามข้อมูลจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้ ส่วน App Store ของ Apple มีส่วนแบ่ง 24.4% ของยอดขายทั้งหมดในประเทศเดียวกันและในปีเดียวกัน
Source: Japan Today
