
หากปี 2025 คือปีแห่งการ “ลองของ” กับ AI และการรับมือกับนโยบายสุดโต่งของเหล่าผู้นำโลก ปี 2026 ก็เปรียบเสมือนด่านต่อไปที่ยากกว่าเดิม เพราะจะเป็นอีกปีที่ความผันผวนมากยิ่งกว่าเดิม คำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนจะรอดและโตอย่างยั่งยืนในโครงสร้างโลกที่กำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรงนี้อย่างไร
คาดเศรษฐกิจ “โตช้าแต่ชัวร์” บนสงคราม 3 รูปแบบ
คุณวิน พรหมแพทย์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย คาดการณ์ภาพเศรษฐกิจโลกในปี 2026 ว่าจะยังคงอยู่ในภาวะ “โตช้า” ซึ่งเป็นเทรนด์ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา ประเทศพัฒนาแล้วอาจโตได้เพียง 1%-2% ในขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดียแม้จะยังเติบโตได้ดีกว่าเพื่อน แต่ก็อยู่ในอัตราที่ลดลง ซึ่งความท้าทายใหญ่ๆ ที่ทำให้ปี 2026 กลายเป็นด่านยากเลเวลถัดมา คือการเผชิญหน้ากับสงคราม 3 รูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

- สงครามต่อสู้ (True War): ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคุกรุ่นในหลายพื้นที่ทั่วโลก
- สงครามการค้า (Trade War): นโยบายภาษีนำเข้าและนโยบายกีดกันทางการค้าของ 2 มหาอำนาขที่จะกลับมาเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง
- สงครามเทคโนโลยี (Tech War): การช่วงชิงความได้เปรียบในด้านนวัตกรรมที่จะกลายเป็นพลังสำคัญของเศรษฐกิจใหม่ทั้ง AI และ Humanoid
“ปีหน้าการลงทุนยังคงต้องยึดหลักของการกระจายความเสี่ยงเหมือนเดิม เพื่อให้เรารอดในวันที่กนะแสเศรษฐกิจต้องฝ่าคลื่นลมพายุรุนแรง” คุณวินกล่าว
สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดคือ การเปลี่ยนขั้วของความมั่งคั่งจากเดิมที่เงินไหลไปกระจุกตัวอยู่ที่หุ้น Tech สหรัฐฯ ในปี 2026 แต่จะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลกลับมาที่ Tech ฝั่งเอเชียที่จีนมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม Supply Chain ของ AI และ Semiconductor ที่มีกำไรเติบโตจริงระดับเลข 2 หลัก
เปิดกลยุทธ์จัดพอร์ตหลักเตรียมรับมือ
สำหรับกลยุทธ์การจัดพอร์ตหลักที่ทาง KAsset นำเสนอมีให้กัน 2 ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น
- ทางเลือกที่ 1 Ready to Move: เป็นการลงทุนในกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series ที่ยึดหลักการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นและสินทรัพย์ทางเลือกทั่วโลก โดยร่วมมือกลยุทธ์กับ บลจ.ชั้นนำระดับโลกอย่าง J.P. Morgan Asset Management เพื่อเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวตัวอย่างกองทุน K-WPBALANCED ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นเหนือ Set Index ถึง 5% ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2568

- ทางเลือกที่ 2 Easy DIY: เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนปรับสัดส่วนหุ้นและตราสารหนี้ด้วยตัวเอง ผ่านกองทุน K-GSELECT ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก และกองทุน K-GDBOND ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้หลากหลายประเภททั่วโลก โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ในระดับที่น่าสนใจ
การจัดพอร์ตหลัก นอกจากจะช่วยให้การลงทุนระหว่างทางมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการวางแผนชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ
เตรียมตัวให้พร้อมสู่ยุคแห่ง Resilient
ด้าน คุณเอม มทินา วัชรวราทร ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน มองว่าเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาคือ ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Rsilient หรือความยืดหยุ่นในการปรับตัว แม้จะเจอทั้งสงครามการค้าและนโยบายที่ผันผวน แต่ภาคการผลิตและเทคโนโลยีก็ยังพาโลกไปต่อได้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2026 ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์จะกลายเป็น New Normal สำหรับนักลงทุนที่จะมองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุน เงินเฟ้อ และความมั่นใจของผู้บริโภค

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น คุณเอมได้สรุปธีมการลงทุนและแนวทางการปรับตัวที่แบรนด์และนักลงทุนต้องทำความเข้าใจไว้ 3 แกนหลัก
- AI Infrastructure & Adoption: จากช่วงเห่อสู่ช่วง “หาเงิน”
หมดยุคของการพูดว่า “เรามี AI” แล้ว แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็น “AI ช่วยสร้างรายได้ให้เรา” ในปี 2026 สิ่งที่ตลาดจะกดดันที่สุดคือ Return on Investment (ROI) ของโปรเจกต์ AI ต่างๆ ทั้งการที่ดู AI Adoption Rate ว่าธุรกิจนำไปใช้ลดต้นทุนหรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้หรือไม่ รวมไปถึงเมื่อคนกลัวว่าใช้ AI มากขึ้นจนเกิดเป็นฟองสบู่ แต่ความจริงคือรายได้และกำไรของบริษัท Tech ยังโตต่อเนื่อง
- The Great Rewiring: เมื่อโลกแบ่งข้าง
นโยบายชาตินิยมทางเศรษฐกิจ (Economic Nationalism) จะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งเห็นได้จากเวียดนามที่ตัวเป็น “เพื่อนของทุกคน” ที่เปิดบ้านรองรับการย้ายฐานผลิต หรือที่อินเดียที่หันมาส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นมหาศาล รวมไปถึงทรัพยากรอย่างชิปและพลังงานจะถูกมองว่าเป็นเรื่องของ “ความมั่นคงของชาติ” มากกว่าต้นทุน
- Income Diversifiers: สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ
ในวันที่ตลาดผันผวน การหวังกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นเพียงอย่างเดียวอาจเสี่ยงเกินไป การมองหา “Income Strategy” จึงสำคัญมากกว่า ทั้งการลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสูง เช่น หุ้นไทยที่จ่ายปันผลเฉลี่ยสูงถึง 6.8% เมื่อเทียบกับภูมิภาค และการลงทุนใน REITs (อสังหาริมทรัพย์) หรือแม้แต่การใช้กลยุทธ์ Volatility Harvesting เพื่อสร้างรายได้จากความผันผวนของตลาด
“Geopolitics มักมีผลกับตลาดในระยะสั้น แต่ในระยะยาว 1-3 ปี พอร์ตจะปรับตัวได้ สิ่งสำคัญคือการมีวินัยทางการเงิน ไม่ควรลงทุนในของที่แพงเกินไปหรือยังไม่มีกำไร” คุณเอมกล่าวเสริม
ปี 2026 เป็นปีที่ต้องสร้างการลงทุนที่แข็งแกร่ง ในแง่ของคนทำธุรกิจจะเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ว่า เทคโนโลยีที่เลือกลงทุนไปจะสามารถสร้างประสิทธิภาพและกำไรได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับนักลงทุนแล้วควรมีการลงทุนที่กระจายความเสี่ยง และแบ่งส่วนไปลงทุนในเทรนด์ใหม่ๆ อย่าง Tech ในเอเชีย หรือ EV ควรวางแผนระยะยาวโดยเฉพาะเรื่องการเกษียณ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องใช้การลงทุนเข้ามาช่วยบริหารเพื่อให้รอดจากทุกวิกฤตความผันผวน
ผู้ที่มี “วินัย” และ “ความยืดหยุ่น” จะช่วยให้สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความผันผวนของโลกใหม่ได้
