พลังผู้บริโภค “LGBTQIA+” สร้างมูลค่าการใช้จ่าย 3.9 ล้านล้านเหรียญ – เปิดเคสแบรนด์ หนุนความหลากหลาย-เท่าเทียม

  • 304
  •  
  •  
  •  
  •  

LGBTQA+

เดือนมิถุนายนของทุกปีเป็นเดือนแห่ง Pride Monthทั่วโลก เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์จลาจล Stonewall เกิดขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 เมื่อตำรวจนิวยอร์กบุกเข้าไปในบาร์ Stonewall Inn เพื่อจะจับกุมกลุ่มคนรักร่วมเพศ นำไปสู่การประท้วงและปะทะกันอย่างรุนแรง นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิดการต่อสู้และเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันของ LGBTQ+ ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกในเวลาต่อมา

จึงได้กำหนดให้เดือนมิถุนายน เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจในความเป็น LGBTQ+ โดยมี “ธงสีรุ้ง” เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ความแตกต่างและหลากหลายของผู้คน ในเดือนนี้จึงมีกิจกรรมมากมาย เช่น ขบวนพาเหรด, งานเสวนา, อีเว้นท์ต่างๆ

ตลอดจนแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ ได้เปิตดัวสินค้ารุ่นพิเศษ และทำแคมเปญสื่อสารสำหรับ Pride Month โดยเฉพาะ จึงถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แบรนด์จะแสดงออกถึงการสนับสนุนความหลากหลายของคนในสังคม ซึ่งผู้บริโภค LGBTQIA+ เป็นเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพสูง ทั้งขนาดประชากร และกำลังซื้อ

มาตามดูผู้บริโภค “LGBTQIA+” ว่าทั่วโลกมีขนาดประชากรเท่าไร และเศรษฐกิจที่มาจากผู้บริโภคเซ็กเมนต์นี้ มีมูลค่ามหาศาลอย่างไร ?!? พร้อมกับกรณีศึกษาแบรนด์ระดับโลก และแบรนด์ไทย ต่างขยับมาโฟกัสผู้บริโภคกลุ่มนี้มากขึ้น  

LGBTQIA+

 

นิยาม “LGBTQIA+มูลค่าการใช้จ่าย 3.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ!

นิยามของ “LGBTQIA+” ประกอบด้วย

L = Lesbian ผู้หญิงรักผู้หญิง

G = Gay ผู้ชายรักผู้ชาย

B = Bisexual รักได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

T = Transgender คนข้ามเพศ ทั้งผู้หญิงข้ามเพศเป็นผู้ชาย และผู้ชายข้ามเพศเป็นผู้หญิง

Q = Queer คนที่ไม่มีข้อกำหนดเรื่องเพศ และความรัก

I = Intersex คนที่มีลักษณะทางกายภาพไม่สามารถระบุเพศได้ชัดเจน เช่น ระบบสืบพันธุ์มีสองเพศ

A = Asexual คนที่ไม่ได้สนใจ หรือไม่ได้มีความรู้สึกสนใจต่อเพศใดๆ

ขณะที่จำนวนประชากร “LGBTQIA+” และมูลค่าการใช้จ่ายที่เกิดจากผู้บริโภคเซ็กเมนต์นี้ ข้อมูลจาก “LGBT Capital” คาดการณ์ว่า ประชากรกลุ่มความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT+ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) มีจำนวน 371 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งมีอำนาจการซื้อ (Spending Power) ที่สร้างมูลค่าการใช้จ่ายสูงถึง 3.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งตามประเทศ และภูมิภาคดังนี้

LGBTQIA+

LGBT+

LGBT+ LGBT+ LGBT+

ากจำนวนผู้บริโภคที่มีความหลากหลายทางเพศ​ ที่มีมากกว่า 371 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งมีอำนาจการซื้อ (Spending Power) ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 3.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็น Target Market ที่สร้างโอกาสมหาศาลให้กับแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ทั้ง Global Brand และ Local Brand ในการพัฒนาสินค้า และบริการที่สื่อถึงการสนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ, การครีเอทแคมเปญเฉลิมฉลอง Pride Month รวมถึงนโยบายภายในองค์กร และการออกแบบสวัสดิการพนักงานที่ส่งเสริมความหลากหลายและเท่าเทียม

LGBTQIA+

 

Tinder” จัดเทศกาล Pride ใหญ่ครั้งแรกในไทย เชื่อมต่อความหลากหลายของชุมชน LGBTQIA+

ด้วยความที่ Tinder (ทินเดอร์) เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้คนหลากหลายมาสร้าง Connection ให้บริการมากกว่า 40 ภาษาในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก มีการดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านครั้ง และมีการจับคู่กว่า 70,000 ล้านคู่

ในจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด พบว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิก Tinder เป็น Gen Zอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป และมากกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกคนรุ่นใหม่ ระบุตัวตนว่าเป็น Non-binaryคนที่ไม่ได้จำกัดเพศว่าผู้หญิง หรือผู้ชายเท่านั้น ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีความยืดหยุ่นสูง หรือเรียกว่า Fluid Consumer

ดังนั้น Tinder เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ซึ่งชุมชน LGBTQIA+ เป็นผู้ใช้งานที่มีศักยภาพ และ Tinder มุ่งให้ความสำคัญชุมชนนี้ โดยอยากให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มคน LGBTQIA+ และได้เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม

Tinder จึงได้ออกแบบแอปพลิเคชันให้สมาชิกสามารถเลือกอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างกันได้ถึง 30 อัตลักษณ์ และเพศวิถีได้ถึง 9 แบบ รวมทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เพิ่ม PRIDE เข้าไปใน Passion ซึ่งสมาชิก Tinder สามารถเพิ่ม Passion นี้ลงในหน้าโปรไฟล์เพื่อเป็นการเข้าร่วมการเฉลิมฉลอง PRIDE และเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนชุมชน LGBTQIA+

LGBTQIA+

สำหรับ Gen Z ไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลก คือ เปิดกว้าง มีความหลากหลาย และมีความเป็น Fluid Consumer เห็นได้จากผลสำรวจของ Tinder พบว่าในช่วงของการเว้นระยะห่างทางสังคมในปีที่ผ่านมา พบว่า

– 32% ของ Gen Z ชาวไทยบอกว่าพวกเขาไม่สามารถพบปะกับผู้คนหน้าใหม่ๆ ได้

– มากกว่า 1 ใน 3 (37%) บอกว่า คิดถึงการเจอหน้ากันแบบตัวต่อตัว

– 32% บอกว่าพวกเขารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเหมือนถูกกดปุ่ม “หยุด” เอาไว้

ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีความท้าทายมากแค่ไหนก็ตาม  แต่ 91% ของ Gen Z ระบุว่า แอปหาคู่ช่วยให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อและพบคนใหม่ๆ ได้แม้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปทั่วโลก

คนไทยวัย Gen Z พร้อมเปิดใจรับการผจญภัยในความรักครั้งใหม่อีกครั้ง

– 51% เปิดกว้างที่จะทำความรู้จักกับทุกคน แล้วค่อยดูว่า “ความสัมพันธ์” จะเป็นไปในรูปแบบไหน

– 47% อยากมีใครสักคนที่จะออกไปผจญภัยด้วยกันได้

– 32% อยากพบคนใหม่ๆ ที่แตกต่าง

– 27% อยากหาคนที่จะมาเป็นคนรักและคบกันในระยะยาว

LGBTQIA+ Tinder Pride Wave

ดังนั้นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล Pride พร้อมทั้งสื่อสารให้ทุกคนได้รับรู้ถึงการยอมรับในความหลากหลาย และ Passion ของกลุ่มคน LGBTQIA+ รุ่นใหม่ในประเทศไทย ปีนี้ Tinder จับมือกับ Airbnb ประเทศไทยจัดแคมเปญกิจกรรมครั้งใหญ่ครั้งแรกในไทยคือ

Airbnb เอ็กซ์พีเรียนซ์ นำเสนอ 3 กิจกรรมที่ร่วมมือกับตัวแทน LGBTQIA+ 3 คนคือ

The Secret to Winning the Director’s Heart กับ บัณฑิต สินธนภารดี หรือ ตี๋ ผู้กำกับชาวไทย จะมาแชร์เคล็ดลับในการออดิชั่นเป็นนักแสดง ทำอย่างไรให้ตัวเองดูโดดเด่นในสายตาของผู้กำกับ

Cake Bling with Chef Deaw กับ คมสันต์ วงศ์ษา หรือ เชฟเดียว เซเลบริตรี้เชฟที่เป็นที่รู้จักจากการเป็น “เจ้าหญิงแห่งวงการขนมหวาน” จากรายการ MasterChef Thailand ซีซั่น 2 จะมาเป็นโฮสต์เอ็กซ์พีเรียนซ์การทำเบเกอรี่ และแบ่งปันเคล็ดลับในการทำขนมเค้กอย่างสร้างสรรค์

Jazz Funk with Sophie กับ อัปสรสิริ อินทรคูสิน หรือ โซฟี นักออกแบบท่าเต้นและนักแสดง จะพาไปทำความรู้จัก Jazz Funk และให้ทุกคนแสดงความเป็นตัวเองผ่านเสียงเพลงไปด้วยกัน

สร้างสรรค์ “Pride Wave” เป็น Installation เพื่อเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจในความหลากหลายทางเพศ และเชื่อมต่อกับชุมชน LGBTQIA+ ในประเทศไทย โดย Pride Wave นี้ มีความสูงมากกว่า 3 เมตร และยาว 7 เมตร จะเป็นตัวแทนของพลังและความครอบคลุมถึงคนทุกกลุ่มในสังคมซึ่งจะจัดแสดงบริเวณลานด้านหน้า centralwOrld ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายนนี้

ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธง Progress Pride Flag ปี 2018 ซึ่งทาง Tinder ได้ออกแบบและได้รับคำปรึกษาจากมูลนิธิ APCOM (แอ็พคอม) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปฏิบัติงานด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชนของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) รวมถึงสนับสนุนความเท่าเทียม

 

LINE MAN Wongnai – ศรีจันทร์” ปรับสวัสดิการพนักงาน สร้างความเท่าเทียมในองค์กร

เวลานี้หลายองค์กร ปรับนโยบายสวัสดิการพนักงาน โดยปรับให้สอดคล้องกับกับแต่ละบุคคล แต่ละรุ่น และวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสนับสนุนความหลากหลาย และสร้างความเท่าเทียม อย่างล่าสุด 2 บริษัทปรับสวัสดิการพนักงานครั้งใหญ่

LINE MAN Wongnai” เป็นบริษัท Gender Neutral หรือมีความเป็นกลางทางเพศ ที่ไม่ได้คัดเลือกคนร่วมองค์กรจากเพศสภาพ แต่คัดเลือกจากความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งและศักยภาพของคนนั้นๆ โดยให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ผสมผสานคนทุกเพศทุกวัยมาร่วมกันทำงานภายใต้ Core Value ที่สำคัญอย่าง “Respect Everyone” การเคารพทุกคนด้วยความเท่าเทียม ปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนด้วยความเท่าเทียมกันทุกด้าน โดยไม่เลือกเพศ หรืออายุ และยอมรับความหลากหลายในทุกความต่าง

ปัจจุบันใน LINE MAN Wongnai” มีจำนวนพนักงาน LGBTQ+ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของพนักงานทั้งหมด และหลายคนก็อยู่ในตำแหน่งบริหาร ซึ่งเป็นสัญญาณว่าที่นี่เปิดกว้างสำหรับทุกคน

ในโอกาส Pride Month ได้มอบสวัสดิการเพิ่มเติมสำหรับพนักงาน LGBTQ+ ด้านต่างๆ ได้แก่ 

– เงินสนับสนุนช่วยเหลือสำหรับการแต่งงานเพศเดียวกัน 20,000 บาท เทียบเท่าสวัสดิการของคู่แต่งงานชายหญิง โดยสามารถนำรูปถ่ายจากงานแต่งงานมายื่นเป็นหลักฐานได้

– สิทธิ์วันลาสำหรับรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงโดยลาได้สูงสุด 10 วัน

– สิทธิ์วันลาสำหรับผ่าตัดแปลงเพศ โดยลาพักได้สูงสุด 30 วัน

– จัดกิจกรรมหลากหลายให้กับพนักงานในช่วง Pride Month เช่น กิจกรรมดูหนัง LGBTQ+ เพื่อเสวนาประเด็นความเท่าเทียม, เชิญ LGBTQ+ Influencer มาร่วมพูดคุย และระดมทุนจากเพื่อนพนักงานในการช่วยเหลือขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศผ่านมูลนิธิต่าง

“เราตั้งเป้าให้ LINE MAN Wongnai เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกความหลากหลาย โดยสร้างบรรยากาศการทำงานให้ทุกคนได้เป็นตัวเองและแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ เป็นองค์กรของคนรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพของทุกคน หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนคือกลุ่มพนักงาน LGBTQ+ 

เราจึงให้ความสำคัญกับการยกระดับสวัสดิการเพื่อเอื้อต่อเพื่อนพนักงานส่วนนี้ เพื่อให้พนักงานได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกันทุกคน ที่ผ่านมาพนักงานส่วนใหญ่ตอบรับกับสิ่งที่เรามอบให้กับพวกเขาในทางบวก โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่ตัดสินกันด้วยตัวผลงาน ไม่เกี่ยวกับเพศสภาพใดๆ” คุณอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคลและวัฒนธรรมองค์กร LINE MAN Wongnai สรุปทิ้งท้ายถึงนโยบายด้านความเท่าเทียม

LGBTQIA+ LINE MAN Wongnai

เช่นเดียวกับ “ศรีจันทร์” แบรนด์เครื่องสำอางของไทย เพิ่มสวัสดิการพนักงานให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และทุกเพศสภาพ  

เพราะมองว่าพนักงานคือหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตไปข้างหน้า ประกอบกับภายในองค์กรที่มีอายุยาวนาน 74 ปีแห่งนี้ ปัจจุบันศรีจันทร์มีพนักงานทั้งหมด 170 คนในหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ Baby Boomer จนถึง Gen Z ประกอบด้วยกลุ่มพนักงานที่วัยเกิน 50 ปี ประมาณ 8%  และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือเรามีพนักงานในกลุ่ม LGBT ร่วมงานกับเราถึง 10% จึงพัฒนาสวัสดิการดูแลคุณภาพชีวิตพนักงานให้สอดคล้องกับพนักงานช่วงวัยต่าง

เมื่อนำข้อมูลพนักงานทั้งหมดมาวิเคราะห์โดยรวม จะพบว่าทุกคนอาจต้องการสวัสดิการที่เหมือนกันในบางส่วน แต่บางส่วนก็ควรต้องเพิ่มให้เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงของแต่ละค

คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เล่าถึงที่มาของการปรับเพิ่มสวัสดิการพนักงานว่า พนักงานคือหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่ง ล้วนเป็นสมาชิกของครอบครัวศรีจันทร์ เราจึงอยากมอบโอกาสให้กับทุกคนและพร้อมจะสร้างให้เกิดความสุขและรอยยิ้มในทุกๆ วัน

เราอาศัยความเข้าใจ ใส่ใจในรายละเอียดและบริบทของทุกชีวิต เพื่อมอบโอกาสที่สมควรได้รับผ่านรูปแบบสวัสดิการที่พนักงานแต่ละคนต้องการในช่วงจังหวะเวลาที่ใช่ นี่คือสิ่งที่เราพร้อมจะยึดเป็นแนวทางหลักในการบริหารงานจากปัจจุบันสู่อนาคต

“พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่ง ล้วนเป็นสมาชิกของครอบครัวศรีจันทร์ บริษัทจึงอยากมอบโอกาสให้กับทุกคนและพร้อมจะสร้างให้เกิดความสุขและรอยยิ้มในทุกๆ วัน  เราอาศัยความเข้าใจ ใส่ใจในรายละเอียดและบริบทของทุกชีวิต เพื่อมอบโอกาสที่สมควรได้รับผ่านรูปแบบสวัสดิการที่พนักงานแต่ละคนต้องการในช่วงจังหวะเวลาที่ใช่ นี่คือสิ่งที่เราพร้อมจะยึดเป็นแนวทางหลักในการบริหารงานจากปัจจุบันสู่อนาคต

โดย 4 สวัสดิการใหม่ที่ศรีจันทร์พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย

1. Maternity Leave เพื่อมอบเวลาที่สำคัญที่สุดในช่วงเริ่มต้นของชีวิตและความผูกพันให้กับแม่และลูก โดยที่ให้พนักงานมีสิทธิลาคลอดบุตร 180 วัน (รวมวันหยุด) โดยบริษัทฯ ยังคงจ่ายค่าจ้างให้ตามปกติ

2. Parental Leave พนักงานที่ภรรยาตั้งครรภ์หรือคลอดบุตร สามารถลางานเพื่อดูแลภรรยาและบุตรได้เป็นระยะเวลา 30 วัน (รวมวันหยุด)

3. Medical Leave for Gender Reassignment Surgery ให้พนักงานมีสิทธิ์ลาเพื่อการผ่าตัดแปลงเพศได้ไม่เกิน 30 วัน

4. Bereavement Leave ให้พนักงานพักใจกับเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียคู่สมรส บุตร บิดา มารดา พี่น้องได้ไม่เกิน 10 วัน

“ลาผ่าตัดแปลงเพศ ลาคลอดไม่หักเงินได้ 180 วัน  ลาช่วยภรรยาและบุตรหลังคลอด ลาพักใจหลังการสูญเสีย เหล่านี้คือรูปแบบวันลาที่ศรีจันทร์ตั้งใจมอบให้พนักงาน เราใช้เวลาในการพัฒนางานด้านสวัสดิการให้เหมาะกับความต้องการของพนักงานทุกกลุ่มค่อนข้างมาก มีการหาข้อมูลเพื่อนำมาประกอบการเพิ่มสวัสดิการ สุดท้ายเราก็ได้เพิ่ม 4 สวัสดิการใหม่ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนจะต้องมีความสุขเมื่อทราบว่าพวกเขากำลังจะได้รับโอกาสดีๆ จากศรีจันทร์” คุณรวิศ สรุปทิ้งท้ายถึงการสร้างความสุขให้พนักงานคือเฟืองจักรที่ช่วยเพิ่มกำลังใจให้มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่

Srichand
Photo Credit : Facebook Srichand

 

แบรนด์ เปิดตัวสินค้ารุ่นพิเศษ แคมเปญ ตอกย้ำแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลาย  Limited Edition

นอกจากการส่งเสริมความเท่าเทียม และความหลากหลายในองค์กรแล้ว แบรนด์กลุ่มธุรกิจต่างๆ พัฒนาสินค้ารุ่นพิเศษเป็น Limited Edition ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาล Pride Month ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างสีสันให้กับตลาดเท่านั้น แต่เพื่อแสดงออกถึงแนวคิดและความเชื่อของแบรนด์ในการสนับสนุนความแตกต่าง และความเท่าเทียม

อย่าง “นีเวีย” (Nivea) จัดแคมเปญ “นีเวีย ไพรด์ (NIVEA Pride: Be Proud in Your Skin) อีกหนึ่งกิจกรรมรณรงค์ด้านการยอมรับและเคารพในความแตกต่างที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การเปิดตัวแคมเปญครั้งแรกที่ประเทศเยอรมนีเพื่อให้เกิดการยอมรับความแตกต่างทางเพศสภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ+

“นีเวีย” ได้เลือกผลิตภัณฑ์ครีมตลับน้ำเงิน ที่ถือเป็น Signature ของแบรนด์ที่ทุกคนคุ้นเคย มาปรับโฉมกลายเป็น “ตลับสีรุ้ง” ((Limited Pride Edition) สดใส เพื่อร่วมรณรงค์และแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ของ “นีเวีย” ในการยอมรับความแตกต่างบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นในสิ่งที่เป็นรูปธรรม อย่างเชื้อชาติ ผิวพรรณ รูปลักษณ์ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรม อย่างความเชื่อ ศาสนา เพศสภาพ

LGBTQIA+ NIVEA Pride creme

ล่าสุด “บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด” จับมือกับวัตสัน ทำแคมเปญ จัดแคมเปญ “Nivea Pride” โดยทุก 1 ตลับของการซื้อนีเวีย ครีม ตลับสีรุ้ง ทางนีเวียร่วมบริจาค 10 บาท ณ ร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศ และที่ช้อปออนไลน์ ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม – วันที่ 29 มิถุนายน 2565 โดยเงินบริจาคจะมอบให้มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เพื่อมอบโอกาสให้เด็กทุกคนได้มีสุขภาพที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน

“นีเวีย เราเชื่อว่าทุกความแตกต่างล้วนมีความงดงามในตัวเอง รวมถึงความเท่าเทียมที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุข เช่นเดียวกันเด็กๆ ทุกคน รวมทั้งเด็กด้อยโอกาส  พวกเขาเหล่านั้นมีสิทธิ ที่จะได้รับการดูแลทั้งในด้านการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีเท่าเทียมกับเด็กทั่วไป และถือเป็นเรื่องน่ายินดีอีกครั้งหนึ่งที่ นีเวีย ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่ดีอย่างวัตสัน ซึ่งมีอุดมการณ์ร่วมกันในการสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่น่าอยู่และเปิดกว้างสำหรับทุกคน” คุณรัชยา นนทชัยภูมิ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์นีเวีย บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการร่วมสนับสนุนความแตกต่าง และความหลากหลาย


  • 304
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ