3 ขั้นในการสร้าง Content จากการที่มี Data อยู่ก่อนหน้าแล้ว

ในยุคที่มีข้อมูลมากมายและขับเคลื่อนการตลาดด้วยข้อมูลจำนวนมากมาย นักการตลาดหลาย ๆ คนนั้นเริ่มตื่นตัวในการที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ รวมทั้งการวิ่งตามกระแส Buzzword ต่าง ๆ ที่หลาย ๆ คนในประเทศนั้นตื่นตัว เอาเข้าจริง ๆ แล้วยังไม่ต้องถึง Big Data ที่จะต้องเอามาใช้ในการตลาด แค่ใช้ Data ที่มีอยู่ในปัจจุบันมาวิเคราะห์ก็สามารถทำให้เห็นสิ่งที่เป็นไปได้มากมายที่จะเอามาใช้ได้กับการตลาดหรือปรับปรุงการตลาดที่มีอยู่ให้ดีขึ้น

โดยเฉพาะการทำ Content Marketing ที่ในยุคนี้สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้มากมายว่าแต่ละ Content นั้นได้ประสิทธิภาพอย่างไร และสามารถเอาข้อมูลในค่าต่าง ๆ ที่เก็บมาเหล่านี้มาวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อทำให้ Content ที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก ซึ่งในบทความนี้ที่ผมจะเล่าจะพาไปเข้าใจในการใช้ Data ที่สามารถทำได้ทันทีจากการเก็บข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ ซึ่งทั้งหมดมีด้วยกันอยู่ 3 ขั้นตอนด้วยกัน

1. ดูว่าอะไรเวิร์คอยู่แล้ว : วิธีการที่ง่ายที่สุดในการที่จะเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ ให้มาเป็น Content ที่น่าสนใจ คือการวิเคราะห์ว่าอะไรนั้นทำงานได้ดีอยู่แล้ว หรือได้ผลอยู่แล้ว ด้วยการวิเคราะห์สถิติต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณนั้นสามารถเจอได้ว่าเนื้อหาที่คุณทำมีเนื้อหาไหนที่ทำประสิทธิภาพได้ดีกว่าเนื้อหาอื่น ๆ และเมื่อคุณทำการวิเคราะห์ให้ลึกลงไปมากกว่าทำไมเนื้อหาเหล่านั้นถึงมีประสิทธิภาพมากกว่าเนื้อหาอื่น ๆ คุณจะเจอส่วนประกอบหรือรูปแบบที่เนื้อหาที่ผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นชอบทำ และเนื้อหาแบบไหนที่กลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ชอบเลย

การได้ Data เหล่านี้มา สามารถทำได้ทันทีถ้าเว็บไซต์ของคุณนั้นติดตั้ง Google analytics หรือตัววัดสถิติเนื้อหาต่าง ๆ หรือถ้าเนื้อหาเหล่านั้นเข้าไปแชร์ใน social media ต่าง ๆ ก็สามารถใช้ Social media analytics ต่าง ๆ นั้นมาวัดค่าเนื้อหาไหนที่กลุ่มเป้าหมายเข้าไปอ่านหรือแชร์มากที่สุด นอกจากนี้ถ้าซื้อเครื่องมือการวัดค่าต่าง ๆ เพิ่มเติมจะสามารถทำให้รู้ด้วยว่าเนื้อหานั้นส่งผลอย่างไรต่อการตลาดหรือส่งไปถึงการขายได้หรือไม่ และยังสามารถเอามาวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค หรือกลุ่มที่เข้ามาบริโภคเนื้อหาต่าง ๆ ว่าตรงกับที่วางเป้าหมายทางการตลาดไว้หรือไม่

2. มาหาเหตุผลว่าทำไมเนื้อหาที่ทำไม่ได้ผล : เมื่อคุณรู้ว่า Content ไหนเวิร์คแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนพลาดไปคือการไม่ได้วิเคราะห์ว่าทำไม Content ที่ทำนั้นไม่ได้ผล ทั้ง ๆ ที่ความผิดพลาดเหล่านี้จะให้บทเรียนหรือความรู้ที่มีคุณค่าอย่างมากให้กับนักการตลาดได้เรียนรู้ข้อผิดพลาด ข้อที่ต้องปรับปรุงและข้อที่ไม่ควรทำต่าง ๆ ขึ้นมา ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีเหล่านี้จะทำให้เห็นว่าทำไมเนื้อหาบางอย่างที่คุณทำออกมานั้นไม่มีผลที่ดีหรือเกิดอะไรขึ้นกับเนื้อหาเหล่านั้น

ทั้งนี้ด้วยการวิเคราะห์เหล่านี้จะทำให้คุณได้รู้ว่าเนื้อหาที่ไม่สร้างประสิทธิภาพที่ดีนั้นเกิดขึ้นจากอะไร ด้วยการดูเนื้อหาเหล่านั้นในทุก ๆ ช่องทางที่เผยแพร่ออกไป สิ่งที่คุณจะได้เจอคือเนื้อหาที่ทำประสิทธิภาพได้ที่นึงอาจจะไม่ได้ผลอีกที่นึง ดังนั้นการที่เนื้อหาคุณเผยแพร่แค่ช่องทางใด ช่องทางหนึ่งแล้วไม่ได้ผลนั้นอาจจะไม่ได้หมายความว่าเนื้อหานั้นไม่มีประสิทธิภาพ แต่อาจจะเพราะไปอยู่ผิดที่ผิดทาง หรือมากกว่านั้นถ้าวิเคราะห์ในรูปแบบการทำสื่อในการนำเสนอ ก็อาจจะพบได้ว่าเนื้อหานั้นเป็นเนื้อหาที่ดี แต่ถูกนำเสนอในรูปแบบที่ผิดมากกว่า ทั้งนี้สิ่งที่คุณต้องทำคือเข้าไปดูสถิติเชิงลึกต่าง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อถูกปลดออกไปยังช่องทางที่ถูกต้อง รูปแบบเนื้อหาที่ถูกต้อง ข้อมูลที่ได้กลับมาเป็นอย่างไร อาจจะพบว่าเนื้อหาแบบนึงสร้างกระแสได้ดี แต่ไม่สามารถจบการขายได้ หรือบางเนื้อหาไม่สร้างกระแสอะไรเลย แต่จบการขายได้ ซึ่งคุณสามารถเอาข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาต่อได้อย่างมากมาย

3. หาช่องว่างในกลยุทธ์ของคุณ : เมื่อคุณเริ่มเข้าใจแล้วว่าเนื้อหาที่ได้ผลและไม่ได้ผลในการทำ Data ของคุณ ในคราวนี้คุณต้องเริ่มเข้ามาหาช่องว่างในแผนการตลาดหรือแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ของคุณว่า คุณกำลังมีรอยรั่วตรงไหน และแผนนั้นต้องปรับให้ตรงกับผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายอย่างไรต่อไป การเก็บข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นไปอีก ด้วยการใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics จะทำให้เห็นเลยว่าพฤติกรรมของคนที่เข้ามาบริโภคเนื้อหานั้นเป็นอย่างไร มีการเดินทางในเว็บไซต์อย่างไร และใช้เวลาเท่าไหร่จนได้ซื้อสินค้าและบริการออกไป

ทั้งนี้ด้วยการที่จะยกระดับของกลยุทธ์ของคุณให้เหนือขึ้นไปอีก การลงทุนกับเครื่องมือในการเก็บข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถรวมข้อมูลจากที่หลากหลายได้มาอยู่ในที่เดียวกัน ซึ่งจะทำให้คุณภาพรวมที่เกิดขึ้นมาได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยข้อมูลแบบนี้คุณสามารถเอาไปสร้างโมเดลเพื่อทดสอบต่อไปได้ว่า เนื้อหาที่คุณกำลังจะทำในอนาคตนั้นมีสิทธ์ที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีต่อไปได้หรือไม่