ตอนนี้กำลังมี Series เรื่องหนึ่งที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญในคนที่เป็นสายโปรแกรมเมอร์หรือคนทำ Digital อย่างมากกับเรื่อง Mr.Robot ซึ่งเป็นเรื่องของ Hacker คนหนึ่งที่มีความสามารถอย่างมาก และต้องการล้มบริษัทหนึ่งให้ได้ ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึงเนื้อเรื่องต่อไปเพื่อกันการสปอยล์ แต่จากในเรื่อง Mr.Robot นั้นทำให้เห็นว่าการ Hack ส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจาก Hacker ต่อคนทั่วไปนั้นคือ การเข้าไปดู Digital Profile ของเรา ซึ่งนั้นคือ Digital Footprint อย่างหนึ่งนั้นเอง
Digital Footprint คืออะไร จริง ๆ แล้วก็แปลตามตัวนั้นละว่าคือร่องรอยการกระทำต่าง ๆ ที่ฝังหรือตามได้ในโลก Digital ของเรา ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่พูดถึงเรา หรือ Blog, การโพสเว็บบอร์ด และ Digital Profile ต่าง ๆ อย่าง Twitter, Instagram และ Facebook ซึ่งหลาย ๆ อย่างนั้นเราเปิดเป็น Public และทำให้คนต่าง ๆ เข้ามาดูได้และรับรู้ว่าเราเป็นอย่างไรส่วนหนึ่งผ่านทาง Digital Footprint พวกนี้ ทำให้เหล่า Hacker นั้นสามารถมาเรียนรู้และเดาเรื่องต่าง ๆ หรือสืบเรื่องต่าง ๆ ได้ไม่ยาก และเข้าไปเจาะเอาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมมาได้มากมาย จนสร้างความเสียหายให้กับคนที่ข้อมูลรั่วได้ ทั้งนี้การสืบ Digital Footprint นั้นเป็นวิธีการหนึ่งที่องค์กรในยุคใหม่นี้ใช้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึงอย่างเช่น การสมัครงานที่หลาย ๆ ครั้งนั้นผู้สมัครไม่รู้เลยว่าเมื่อยื่นใบสมัครไปแล้ว HR หรือฝ่ายบุคคลหรือคนที่ดูแลเรื่องการรับบุคคลนั้น ๆ จะเอาชื่อเราไปค้นหาผ่านทาง Google เพื่อดูว่าคน ๆ นั้นเป็นอย่างไร และทัศนะคติเป็นอย่างไรเพื่อประกอบการเรียกหรือไม่เรียกสัมภาษณ์
นอกจากสาย HR จะใช้ Digital Footprint ในการรับคนเข้าทำงานแล้ว ในสายการตลาดหรือ Startups ในการใช้ Digital Footprint ในงานของด้านการเจรจาธุรกิจหรือการ pitching งานต่าง ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังเช่นที่ซุนวูว่าไว้ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ดังนั้นการล่วงรู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่จะทำให้เรามีชัยทางด้านการตลาดจึงมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน โดยการใช้ Digital Footprint นี้ในต่างประเทศเองเป็นที่นิยมมากในหมู่ทั้ง Agency และลูกค้าที่เข้ามาประชุมกันในการเรียนรู้ว่าคนที่เข้ามาร่วมประชุมนั้นมีตัวตนอย่างไร ข้อดีของ Agency ในการสืบ Digital Footprint ของลูกค้าคือการเข้าใจว่าลูกค้าเป็นคนอย่างไร มีความคิดอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร และมี Background พื้นฐานมาจากไหน ทำให้สามารถเตรียมตัวหรือสร้างสรรค์งานที่จะตรงใจคนที่จะเข้าประชุมได้ หรือสร้างบทสนทนาในห้องประชุมที่ถูกใจคนร่วมประชุมได้อย่างมาก เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกันส่วนหนึ่งขึ้นมา ในส่วนของลูกค้าเช่นกัน นักการตลาดหลาย ๆ คนก็ใช้สืบว่าคนในเอเจนซี่ที่เข้ามาเสนองานนั้นเป็นใคร มีความสามารถอะไร หรือทำอะไรมาบ้าง นอกจากนี้ยังตามไปดูโพสต่าง ๆ เช่นกันว่ามีทัศนคติอย่างไร เพื่อที่จะได้รู้ว่าเคมีในการทำงานจะเข้ากับทางลูกค้าหรือไม่ ดังนั้นแล้วหากคุณจะเข้าไปทำงานกับใครจงระวังในเรื่องการแสดงออกของตัวคุณเองในโลกออนไลน์ เพราะทุกอย่างนั้นมันตามสืบได้หมดในยุคนี้
จากเรื่องส่วนบุคคลแล้วยังสามารถนำมาใช้ในหลักการเช่นเดียวกับแบรนด์ได้ เพราะเดี๋ยวนี้การค้นหาหรือหาข้อมูลในโลกออนไลน์นั้นกลายเป็นเรื่องปกติไป Digital Footprint ของแบรนด์นั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการสร้างข้อมูลของแบรนด์ที่ทำให้ตัวตนของแบรนด์ในโลกออนไลน์ที่ผู้บริโภคเข้าไปตามข้อมูล ตามอ่านได้และมีประสบการณ์ที่ดี ไม่เจอเรื่องที่ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ หรือมีกระทู้ในเว็บบอร์ด หรือข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของแบรนด์ออกมานั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ลองนึกภาพที่เวลาผู้บริโภคที่จะซื้อของแล้วทำการค้นหาชื่อแบรนด์นั้นใน Google กลับเจอแต่กระทู้ที่เป็น Negative ต่าง ๆ มากมาย หรือกระทู้ที่ไม่มีการดูแลจะเป็นเช่นไร ผู้บริโภคคงไม่ตัดสินใจซื้ออย่างแน่นอน (นอกจากที่สินค้าหรือบริการของแบรนด์เรานั้นมีความต้องการสูงหรือมีความได้เปรียบอะไรก็ตามจนผู้บริโภคต้องเพิกเฉยต่อ Negative Feedback นั้นไป) จากแบรนด์ของตัวเองที่ผู้บริโภคติดตามตามนั้น นักการตลาดหรือ Agency เองยังสามารถใช้สืบว่าคู่แข่งนั้นมี Feedback อย่างไรในทางกลับกันได้ด้วยเช่นกัน ทำให้รู้ว่าผู้บริโภคพูดถึงและมีกระแสเป็นอย่างไร ทำให้สามารถที่จะสร้างแผนการตลาดที่เอาชนะจุดอ่อน เลี่ยงจุดแข็งของคู่แข่งในตลาดได้อีกด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ทั้ง 2 เรื่องนำมาสู่ในเรื่องการจัดการ Digital Footprint ในโลกออนไลน์ของตัวเองให้ดีว่าในโลกออนไลน์นั้นมีข้อมูลแบบไหนทั้งของตัวเองหรือแบรนด์ ยิ่งการมี Digital Footprint ในทางบวกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้คนที่มาอ่านหรือมาติดตามเท่านั้น ทำให้สามารถเอาชนะใจได้อย่างง่ายได้ แต่ถ้าในโลกออนไลน์นั้นมีแต่เรื่องลบ ๆ ใครละจะอยากมาทำงานหรือใช้บริการ หรือซื้อสินค้านั้น ๆ อยู่ ดังนั้นถ้าเป็นบุคคลแล้วละก็การที่คิดอะไรก่อนโพสนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก หรือการระวังพฤติกรรมตัวเองในโลกจริง ๆ ไม่ให้เกิดเป็นข่าวเสีย ๆ จนขึ้นเป็นข่าวหรือเป็นที่เอาไปเล่าในพันทิพย์แล้วจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในทางแบรนด์เองก็ต้องมีกระบวนการจัดการบริหารชื่อเสียงในโลกออนไลน์เช่นกัน ที่จะคอยแก้ไขเรื่องราวที่เป็นลบต่าง ๆ ออกไปให้เร็วที่สุด
Copyright © MarketingOops.com