การตลาดแบบปากต่อปาก ส่งต่อยังไงให้มีประสิทธิภาพที่สุด

  • 76
  •  
  •  
  •  
  •  

ThinkstockPhotos-453595879-Higlight

ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี คุณและคนอื่นๆ จะสามารถเชื่อมต่อ หรือสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกวันนี้แบรนด์ที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภค ต้องทำมากกว่าการส่งข้อความ หรือสร้างประโยคบอกเล่า แต่ต้องเน้นส่งมอบประสบการณ์มากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Influencer หรือเหล่าคนดังกลายเป็นกระบอกเสียง เพื่อเชิญชวนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ จะว่าไปแล้วกลยุทธ์ประเภทนี้ก็คล้ายๆ กับการ “ตลาดแบบปากต่อปาก”

ทั้งนี้ คุณจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเชื่อ และสนับสนุนแบรนด์ ลองพิจารณาดูว่าแคมเปญการตลาดที่ใช้ Influencer ที่เป็นตัวแทน อยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มเป้าหมาย หรือเข้าถึงมากพอหรือยัง ซึ่งยังมีอีกหลายปัจจัยสำคัญที่แบรนด์มองข้ามไม่ได้

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และเลือกตัวแทน

2 สิ่งที่ต้องอยู่คู่กันสำหรับการทำตลาดแบบปากต่อปากคือ Influencer กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในที่นี้หมายถึง กลุ่มคนผู้ติดตามเหล่า Influencer นั่นเอง ยิ่งมีคนติดตามมากเท่าไรก็ยิ่งดี และจะดียิ่งไปอีกถ้าคนกลุ่มนั้นตรงกับเป้าหมายของแบรนด์

Influencer ที่จะเป็นตัวแทนให้แบรนด์ได้นั้น ต้องทำมากกว่าสร้าง Awareness แต่ต้องทำให้เกิดการซื้อได้ นั่นก็เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้สึกไว้วางใจในคำพูดของบุคคลที่สาม มากกว่าคำพูดที่จากแบรนด์

2. เข้าถึงอารมณ์

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทใด ถ้าต้องการทำตลาด คุณต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ให้ได้ ทั้งในด้านอารมณ์ และความรู้สึก โดยเฉพาะในยุคที่มีการใช้ Social Media กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบกันได้ง่ายๆ เช่น เห็นเพื่อนซื้อ ก็อยากซื้อตาม เมื่อทุกคนพร้อมจะทำตามกัน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไวรัล ถูกส่งต่อกันไปเรื่อยๆ

3. มีส่วนร่วมกับคนหมู่มาก

สำหรับในบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เห็นแต่ลานเบียร์จากแบรนด์ต่างๆ ยิ่งแบรนด์จัดกิจกรรมมากเท่าไร ผู้บริโภคก็ยิ่งจดจำแบรนด์ได้มากเท่านั้น หรือแม้แต่งานดนตรีที่จัดขึ้นโดยแบรนด์เครื่องดื่ม ก็เป็นการตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เข้าถึงคนหมู่มากได้อย่างแท้จริง

4. ทำให้ผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์ในมุมดีๆ

ผู้ประกอบการขนาดเล็กส่วนใหญ่ในปีนี้ ตั้งเป้าการเติบโตโดยเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า และรักษาลูกค้าเดิมให้ได้นานที่สุด เรียกง่ายๆ ว่าเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่า แต่การจะดึงลูกค้าเก่าได้นั้น ต้องมาจากงานบริการที่ดี ตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่องใดๆ สุดท้ายแล้วความดีเหล่านี้ จะทำให้ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ในทางที่ดี และบอกต่อไปยังคนอื่นๆ ด้วย

5. เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น

หนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในการทำธุรกิจคือ การปิดกั้นความคิดเห็นจากผู้บริโภค ไม่ว่าคุณจะใช้ Social Media หรือเว็บไซต์ในการสื่อสารกับลูกค้า คุณต้องทำให้ใช้งานง่ายที่สุด อย่าให้เกิดความซับซ้อนมากเกินไป เพราะคำแนะนำเหล่านี้จะเป็นการตลาดแบบปากต่อปากอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ แบรนด์ก็ต้องตอบสนองต่อปัญหาให้เร็วที่สุด ป้องกันการลุกลามของปัญหาที่อาจควบคุมไม่ได้

 

แหล่งที่มา


  • 76
  •  
  •  
  •  
  •