การตลาดจีนสำหรับกลุ่มคน Gen Z หรือคนรุ่นที่เกิดในทศวรรษ 2000 เป็นต้นมาหรือในช่วงอายุ 15-19 ปี จัดว่าเป็นแนวทางใหม่ที่มาแรง ซึ่งเราต้องยอมรับว่า พวกเขาคือ คนกลุ่มที่เป็น “อนาคตใหม่” ของประชากรโลก
สำหรับในด้านการตลาดของเกือบทุกวงการก็ถือว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ทุกฝ่ายพยายามจะศึกษาวิจัยเพื่อทำตลาดของตน แต่จุดน่าสนใจก็คือ นี่คือกลุ่มคนในรุ่นที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูงมาก และการตลาดแบบทั่วไปอย่างที่เคยเป็นมาอาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไปนัก
ซึ่งเรื่องน่าสนใจก็คือ ในประเทศจีนเวลานี้ มีรายงานจากหลายสำนักชี้ว่า คนจีนรุ่นใหม่ที่เป็นคนกลุ่ม Gen Z ถือว่าเป็นประชากรที่มีกำลังซื้อมาแรงอีกกลุ่มหนึ่ง โดยครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 30-40 ของผู้บริโภคทั้งหมด แต่กลับยังไม่มีแบรนด์ดังจากตะวันตกที่เข้ามาในจีนสามารถจับกลุ่มนี้ได้อย่างชัดเจนเลย
มีรายงานจาก Jingdaily ระบุว่า กลุ่มคน Gen Z มีแนวโน้มในการจับจ่ายซื้อสินค้าหรือช็อปปิ้งของแบรนด์เนมหรูจากจีนเองหรือแบรนด์ท้องถิ่นของจีนมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับคน Gen X-Y
โดยมีตัวเลขชี้ว่า ในปี 2019 ที่ผ่านมา มีแบรนด์ชุดออกกำลังกายและชุดว่ายน้ำ ที่เป็นแบรนด์ของจีน Made in China มียอดซื้อเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 19 ซึ่งถือว่าเป็นอัตรายอดซื้อที่เติบโตสูงสุดสำหรับกลุ่มชุดออกกำลังกายและชุดว่ายน้ำนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาอีกด้วย
มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า อาจเพราะคนกลุ่ม Gen Z เติบโตมาในยุคสมัยที่ จีนกำลังกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ในทางเศรษฐกิจของเอเชียและกำลังขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก พวกเขาจึงมีความรู้สึกว่า ของที่ผลิตในจีนไม่ได้เลวร้าย หรือมีภาพลักษณ์ไม่ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
แล้วยังมีอีกปัจจัยคือ การทำตลาดของแบรนด์จีนร่วมกับกลุ่ม Celeb หรือ KOL ที่คนรุ่นนี้นิยมเสพข้อมูลและข่าวสารทางโซเชียล ไปจนถึงยอดติดตามทาง Weibo ที่พวกเขามีแนวโน้มจะทำตามในสิ่งที่ผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลเหล่านี้ใช้หรือสวมใส่เป็นหลัก
ทั้งยังมีงานวิจัยของ Charlie Chen ที่บ่งชี้ว่า สำหรับคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ แบรนด์จีนคือความภาคภูมิใจ แม้ว่าพวกเขาจะเลือกซื้อของแบรนด์เนมจากตะวันตกด้วย แต่พวกเขาก็เติบโตมากับของแบรนด์เนมในจีนเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก CIW ที่บ่งชี้ว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ออกไปนอกประเทศในปี 2019 ที่ผ่านมา มีภาพรวมว่าเป็นวัยรุ่นในช่วงอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เป็นจำนวนมากขึ้น รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นเพศหญิงด้วย และยังรวมถึงกำลังซื้อและการช้อปปิ้งที่เพิ่มขึ้น ทำให้การจับตลาดมีความชัดเจนและน่าจะทำให้การตลาดจีนในเวลานี้มีการแข่งขันรุนแรงไปด้วย
ตามรายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงอายุ 25-35 ปี มีอัตราที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 32% จากจำนวนทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่า เกือบ 1 ใน 3 เลยทีเดียว ส่วนรายได้โดยเฉลี่ยของกลุ่มนี้ยังอยู่ในระดับปานกลางจนถึงบน ซึ่งในแต่ละทริป มีค่าใช้จ่ายแตะไปถึง 5,689 หยวน และ 6,000 หยวน โดยประมาณ ซึ่งเป็นยอดใช้จ่ายที่แซงหน้ากลุ่มอายุ 35-45 ปีไปแล้ว
สำหรับสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นเพศหญิง มีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 16% และเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ชายราว 14% หากเทียบกับปีก่อน
ซึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่อายุน้อยกว่า 29 ปี ถือว่ามีจำนวนถึง 50% ขณะที่กลุ่มอายุ 29-35 ปี โดยมีจำนวนมากกว่า 70%
ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนประเภทที่เดินทางด้วยตนเอง พบว่าเป็นผู้หญิงมากถึง 58% เลยทีเดียว โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 6,254 หยวน และมาจากเมืองประเภท Tier-2 มากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า นักท่องเที่ยวจีนที่ใช้งาน Ctrip เว็บไซต์สำหรับบริการจองสถานที่พักและท่องเที่ยวของจีน ก็มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากถึง 110% นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า การใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง และการบริโภคแบบ Luxury มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้น เช่น การเดินทางไปประเทศกรีซ โดยมีเป้าหมายเพื่อการชิมไวน์องุ่น หรือ การเดินทางแบบ Adventure ไปที่ UAE เป็นต้น
ในส่วนของเป้าหมายเพื่อความบันเทิงและการท่องเที่ยวของคนจีนในแต่ละประเทศที่เดินทางไปก็มีความแตกต่างกัน เป็นลักษณะที่หลากหลาย ซึ่งอาจจะช่วยให้ผู้ประกอบการโฟกัสได้ดีขึ้น เช่น เดินทางมาประเทศไทยโดยมีเป้าหมายหลักคือมากินอาหารแบบ Street Food เช่าพระเครื่อง เยี่ยมชมวัดดัง และไปเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียง
นอกจากนี้ การเดินทางไปญี่ปุ่นก็เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ธรรมชาติและซื้อสินค้าประเภทสุขภาพและ Skincare ส่วนไปยุโรปก็เพื่อดูสถานที่ทางศิลปะและแบรนด์หรู Luxury เป็นต้น
ข้อมูลที่ว่ามานี้ อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการและภาคส่วนที่ทำตลาดกับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์หลังโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายต้องเตรียมรับมือกันต่อไป
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com
