เรียนรู้จากความผิดพลาดของอุตสาหกรรมเกม มาใช้กับการตลาดตัวเอง

  • 11
  •  
  •  
  •  
  •  

อุตสาหกรรมเกมนั้นนับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่มาก ๆ ที่สามารถสร้างแฟนเกมได้นับล้าน ๆ คน และมีเงินหมุนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมนับหมื่น ๆ ล้านในระบบ แต่สิ่งหนึ่งที่อุตสาหกรรมก็ยังมีจุดที่ทำผิดพลาดที่ถ้าทำสิ่งนี้แล้วจะสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดหรือสร้างแฟนตลาดได้เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย แต่ก็ไม่ได้ทำและเป็นบทเรียนให้นักการตลาดสามารถใช้ศึกษาเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดขึ้นกับการตลาดตัวเองได้

social-and-mobile-game-demographic

ลองถามนักการตลาดหลาย ๆ คนที่ทำการตลาดว่าการใช้เรื่อง stereotypes นั้นไม่ได้อยู่แผนกลยุทธการตลาดที่ทำอย่างแน่นอน นักการตลาดหลายคนใช้เงินมากมายกับการทำวิจัยทางการตลาด เพื่อทำให้แน่ใจว่า Persona ของผู้บริโภคที่ต้องการที่วิจัยมานั้นอยู่ในแผนการตลาดที่จะทำ ไม่ได้สร้างขึ้นมาจากจินตนาการหรือคิดไปเอง แต่ในความจริงแล้ว Research นั้นก็เป็นขั้นต้นของการสร้างสมมุติฐานเพราะความเป็นจริงถ้าเกิดมีการเก็บข้อมูลหรือมี Data เข้ามาก็สามารถรับรู้ได้ทุกอย่างว่าผู้บริโภคของเราจริง ๆ นั้นเป็นใครกันแน่  ด้วยการที่มีข้อมูลมากมายที่เข้ามาในตอนนี้นักการตลาดสามารถรับรู้จริง ๆ ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง หรือกลุ่ม Audience ที่แท้จริงนั้นเป็นใคร ที่พร้อมจะซื้อหรืออยากได้สินค้าของเราขึ้นมา สิ่งนี้อาจจะต่างจากที่นักการตลาดคิดในกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งต้นมากเลยก็ได้ ด้วยความที่ยึกติดรูปแบบสามัญสำนึกที่เคยมีว่าสินค้านี้น่าจะเหมาะกับคนที่วางไว้

gaming-1

อุตสาหกรรมเกมนั้นเป็นตัวอย่างอันดีของการยึกติดกับ stereotypes ที่วางเอาไว้มาเนิ่นนานโดยเฉพาะนักการตลาดของอุตสาหกรรมเกมนั้นจะใช้ stereotypes ที่วางไว้เพื่อการโฆษณาเป็นเด็กผู้ชายมาโดยตลอดซึ่งจากข้อมูลจาก Youtube นักการตลาดในอุตสาหกรรมเกมจะลงเงินใน Youtube เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายเป็น 84% ของเงินงบประมาณโฆษณาเทียบกับ 10%  ที่เจาะกลุ่มผู้หญิงและ 6% เป็นกลุ่มที่ไม่ระบุเพศด้วยการที่เป็นตลาดที่มีความสนใจเฉพาะอย่างมากจึงเป้นไปไม่ได้เลยถ้าตลาดนี้ไม่คิดถึงกลุ่มเป้าหมายอื่นๆถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้จากข้อมูลของEntertainment Software Association ระบุว่าเมื่อเข้าไปดูข้อมูลผู้เล่นเกมหรือผู้บริโภคที่ซื้อเกมไปเล่นจริง ๆ กลับพบว่าเป็นผู้หญิงถึง 41% และผู้ชาย 59% ซึ่งขัดแย้งกับความเชื่อและการลงเงินงบประมาณในการโฆษณาที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชายกว่า 84% และเชื่อว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นอีกด้วย จากข้อมูลเพิ่มเติมของ Entertainment Software Association ยังระบุอีกว่ากลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ มากกว่า 18 ยังมีสัดส่วนมากกว่ากลุ่มผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีอีก (31% vs 17%) จากข้อมูลนี้ยังชี้อีกว่าผู้หญิงยังปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาเกมใน Youtube พอ ๆ กับผู้ชาย โดยอัตราการดูวิดีโอโฆษณาทั้ง 2 เพศนั้นมีอัตราพอ ๆ กันที่ 24% สิ่งที่น่าสนใจคือผู้หญิงติดตาม Event เกมสูงกว่าผู้ชายอย่างมาก ในช่วงเวลามี Event ใหญ่ของเกมอย่าง E3 นั้นผู้หญิงดูกิจกรรมนี้กว่า 38% เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ 30% แต่ปรากฏว่านักการตลาดเกมนั้นไม่เคยวนใจข้อมูลพวกนี้และไม่เคยคิดว่าจะลงโฆษณาจับกลุ่มผู้หญิงนี้เพิ่มขึ้นเพราะกลัวค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ่น ทั้ง ๆ ที่ค่าใช้จ่ายใน CPV ของผู้หญิงนั้นพอ ๆ กับผู้ชาย

Screen Shot 2560-05-21 at 7.35.46 PM

ปัญหาที่เกิดขึ้นที่นักการตลาดทั่วไปสามารถเรียนรู้จากอุตสาหกรรมเกมคือการที่อย่ายึดติดใน Target ที่ตั้งใจวางไว้ เพราะความเป็นจริงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งในการลงมือจริง สิ่งที่นักการตลาดต้องทำคือการที่ต้องคิดฉลาดขึ้นและเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายที่มีค่าต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหลงลืมไปได้ ในตัวอย่างของอุตสาหกรรมเกมคือผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไปนั้นเอง สิ่งที่นักการตลาดควรทำคือต้องเริ่มทดลองการใช้กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่าเพียงแต่ยึด Persona ที่วางไว้ เปลี่ยนมาเป็นการใช้ความสนใจหรือสร้างเป็น Persona ย่อย ๆ หลากหลายรูปแบบ ที่ได้มาจากการเก็บข้อมูลขึ้นมา การที่ไม่แตกกลุ่มเป้าหมายหรือการแบ่ง Campaign ที่ทำออกมา Target กลุ่มเป้าหมายย่อย ๆ ที่แตกต่างกันแล้วจะไม่มีทางเลยที่จะรู้ว่าแบบไหนที่จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ตัวอย่างถ้าคุณต้องการที่จะจับกลุ่มเป้าหมายผู้ชายและผู้หญิงอายุ 18-45 ปีที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ สนใจในเรื่องการท่องเที่ยว เพลงป๊อปและเรื่องอี่น ๆ อีก 20 ความสนใจ ถ้านักการตลาดเอาความสนใจพวกนี้และทำการสื่อสารแบบเดียวขึ้นมา จะทำให้สิ่งที่ทำนั้นสูญเปล่าหรือไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยก็ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะได้โฆษณาที่ได้ผล แต่ผลจากโฆษณาไม่ได้ช่วยให้คุณรู้เรื่อง insight ที่มากขึ้นในการวางแผนในอนาคตหรือไม่ได้ทำให้รุ้ว่าชายหรือหญิงแบบไหนได้ผลมากกว่ากัน หรือกลุ่มความสนใจแบบไหนดีที่สุดหรือส่วนผสมแบบไหนที่จะได้ผลที่ดีที่สุดออกมา

Screen Shot 2560-05-21 at 7.36.34 PM

ทั้งนี้นักการตลาดต้องทำงานที่ละเอียดขึ้น อย่าใช้ความเชื่อของตัวเอง แต่ต้องใช้ข้อมูลที่บ่งชี้มาและทำการทดลองหรือทำการสร้าง Campaign ที่ละเอียดขึ้นเพื่อให้ได้ผลโฆษณาที่ดีที่สุด และได้ข้อมูลเพื่อมาปรับปรุงการทำโฆษณาต่อไปอีกด้วย อย่ายึดติด Target ที่คิดไว้ และต้องคิดออกนอกกรอบที่เคยคิดไว้เพราะกลุ่มคนที่สนใจสินค้าและบริการเราจริง ๆ อาจจะไม่ใช้กลุ่มที่เราคิดก็ได้


  • 11
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ