ช่วงการแพร่ระบาดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา กดดันให้ทุกคนต้องหันไปใช้แพลตฟอร์มเสมือนจริงมากขึ้น โดยเฉพาะนักเรียน/นักศึกษาที่ต้องใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อการเรียนรู้เสมือนจริง (Virtual Learning) และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้เพิ่มโอกาสในการเก็บคลังข้อมูลของผู้บริโภคมากกว่าเดิม ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล และพฤติกรรมทางออนไลน์
มีข้อมูลน่าสนใจจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch) ที่ได้เผยแพร่รายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 ถึงเดือนส.ค. 2564 โดยระบุว่า “แอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์เพื่อการศึกษามีการติดตามข้อมูลของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเขา (หรือมีเงื่อนไขในเชิงบังคับให้ยินยอม) และในหลายกรณีมีการแชร์กับบริษัทเทคโนโลยีโฆษณาบุคคลที่สาม”
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบว่า มีผลิตภัณฑ์กว่า 164 ประเภทจากทั้งหมด 49 ประเทศทั่วโลกที่มีการหยิบข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ โดยที่ผู้บริโภคไม่เคยรู้มาก่อนหรือไม่ยินยอม
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ถูกติดตามและแชร์ต่อไปที่บริษัทเทคโนโลยีโฆษณา อย่างเช่น ตัวตน, โลเคชั่น, กิจกรรมและพฤติกรรมออนไลน์ของพวกเขา, ข้อมูลส่วนตัว เช่น ครอบครัวและเพื่อน โดย Hye Jung Han นักวิจัยด้านสิทธิเด็กและเทคโนโลยีของ Human Rights Watch พูดกับ CNN Business ว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก, เยาวชน, ผู้ปกครอง เพราะส่วนใหญ่ 89% พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังถูกใช้ข้อมูลเหล่านั้น และไม่มีทางเลือกที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ใช้ข้อมูล
ในรายงานยังระบุด้วยว่าแพลตฟอร์มที่มีการรับข้อมูลเหล่านั้นจากแอปฯ และเว็บไซต์ ก็คือ Meta และ Google ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์ด้าน ‘โฆษณาดิจิทัล’ สูงที่สุดในปัจจุบัน (แต่ทั้ง Meta และ Google ได้ยืนยันว่ามีนโยบายด้านความปลอดภัยและการใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ละเมิด)
ขณะที่ในรายงานยังระบุว่า มีหลายๆ สำนักข่าวต่างประเทศที่ใช้ข้อมูลเหล่านี้จากแอปฯ และเว็บไซต์เช่นกัน ก็คือ The Washington Post, The Globe and Mail และ El Mundo ของสเปน
ทั้งนี้ Bart Willemsen นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย Gartner ได้พูดย้ำว่า ผู้ให้บริการด้าน EdTech (รูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานเทคโนโลยี) ควรมีความรับผิดชอบและโปร่งใสมากกว่านี้ในด้านความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงแบรนด์เองก็ควรตรวจสอบที่มาว่า data เหล่านี้ได้มาอย่างถูกต้อง ไม่มีการละเมิด ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบต้นทางของข้อมูลได้ ซึ่งเรื่องความเป็นส่วนตัวในกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังเป็น Top 5 ของปัจจัยที่ธุรกิจต้องคำนึง
ที่มา: CNN Business
