ในงาน DAAT DAY 2018 ไม่เพียงจะมีการนำเสนอถึงภาพรวมของการใช้งบโฆษณาดิจิทัลเท่านั้น ยังมีการอัพเดทเรื่องราวและเทรนด์ต่าง ๆ ไว้อย่างน่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือ 3 เทรนด์ที่กำลังมาและจะแรงยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งนักการตลาดและนักโฆษณาต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด นั่นคือ ‘Better & More Innovative Use of Data’ , ‘Off-Screen Human interaction’ และ ‘Impactful Social Commerce’
เวทีนี้ได้ 3 กูรู อย่าง ศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) , ภารุจ ดาวราย Chief Digital Officer ลีโอเบอร์เนท กรุ๊ป และ นรินทร์ เย็นธนกรณ์ Chief Operating Officer จาก I-DAC (Thailand) มาร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็น
Better & More Innovative Use of Data
ศิวัตร บอกว่า เรื่อง Data ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ถูกพูดถึง แต่ปัจจุบันมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการการเก็บรวบรวมและศึกษา Data เพื่อเข้าใจและเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาด้านเทคโนโลยีทำให้มีการเก็บข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น อาทิเช่น Smart watch กระทั่งการเก็บข้อมูลของภาครัฐซึ่งถือว่า เป็นหน่วยงานที่มี Data จำนวน หากมีการเปิดให้ภาคเอกชน และภาคประชาชนนำมาใช้ประโยชน์จะเป็นเรื่องที่ดี
ด้านภารุจ กล่าวว่า ในอดีตการนำเสนองานโฆษณาและงานมีเดียจะเป็นการนำเสนอในภาพรวม แบ่งกลุ่มลูกค้าตามเพศชาย-หญิง หรืออายุ แต่ยุคนี้แบ่งเซ็กเม้นท์ตามพฤติกรรม หรือความสนใจ ซึ่งต้อง Personalize Messages คุยกับลูกค้าแต่ละคนแต่ละกลุ่มมากขึ้น ดังนั้น Data จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความซับซ้อนแบบนี้ได้มากขึ้น
ขณะที่ นรินทร์ กล่าวว่า การทำโฆษณาไม่สามารถมองเรื่อง Demographic ตามแบบเดิม ๆ ได้อีกต่อไป ต้องหันมาดูเรื่องข้อมูลและสนใจทางพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อย่างเช่น สินค้าบางตัวมีเป้าหมายหลักเป็นแม่บ้าน แต่หากไปดูข้อมูลตามข้อเท็จจริง ผู้ชายกลับเป็นคนมาซื้อ ดังนั้นนักการตลาดและนักโฆษณา ต้องใช้ Data มาวิเคราะห์เพื่อปิดหรือเสริมปัญหาในจุดนี้
Off-Screen Human interaction
ศิวัตน์บอกว่า เทรนด์นี้กำลังมาแรง คือ การติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่มีจอ อย่าง IOT (Internet of things) การสั่งงานด้วยเสียง ยกตัวอย่างเช่น การส่งข้อความด้วยการพูด แทนการพิมพ์ หรือกรณีของ Google home ที่สั่งเปิดปิดไฟ หรือเปิดเพลงด้วยเสียง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตอาจจะเปลี่ยน เป็น voice interaction เข้ามา เป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องเตรียมตัว
อย่างไรก็ตาม คนไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับอะไรที่เป็นหน้าจอตลอดเวลา นรินทร์ จึงเสริมว่า คนที่ออกจากหน้าจอต้องหาพื้นที่รองรับ และหากการพัฒนาเทคโนโลยีไร้จอดังกล่าวก้าวหน้าไปในทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในอนาคตอาจจะมีโฆษณาออกมาในรูปแบบอัตโนมัติหรือเฉพาะบุคคลมากขึ้น ดังนั้นควรจับตาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อปรับตัวให้ทัน และใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
Impactful Social Commerce
ทั้ง 3 กูรูมองตรงกันว่า พลังของ Social Commerce กำลังมาแรง และเริ่มส่งผลกระทบต่อยอดขายของหลาย ๆ แบรนด์ เนื่องจากตอนนี้ คนที่เคยเป็น Key Opinion Leader (KOL) และ Influencers เริ่มหันมาเป็นเจ้าของธุรกิจเองมากกว่าแค่รับงานเท่านั้น นอกจากนี้ประเด็นนึงที่น่าสนใจ คือ ร้านอาหาร , ความสวยความงาม ที่ไม่มีหน้าร้าน ไม่ต้องมีชื่อร้าน อาศัยเพียงการโพสต์ใน Facebook Group ก็มียอดติดตามและสร้างยอดขายได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นนักการตลาดอย่าประมาทในเรื่องพลังของ Social Commerce
