รู้จักเผ่าพันธุ์คนเมืองยุคใหม่ New Tribe of Urban Living ผ่าน 4 Culture สำคัญ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

  • 4.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลา 2 ปีกว่า แม้หลายเรื่องอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว แต่เราก็โอบรับมันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต และมิหนำซ้ำยังจะไม่หันกลับไปใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ ได้แล้วด้วย ไม่ว่าจะเป็น การสั่งอาหารแบบเดลิเวอร์รี่ การประชุมผ่าน VDO Conference หรือการทำงานแบบ Work from anywhere และรวมไปถึงค่านิยมใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตมากมาย จนอาจเรียกได้ว่ามนุษย์ยุค Post pandemic ได้สร้าง Culture ใหม่ให้เกิดเผ่าพันธุ์ใหม่ (New tribe) ของคนเมืองขึ้นแล้ว

ดังนั้น เมื่อพฤติกรรมและความสนใจของผู้คนเปลี่ยนไปเราลองมาทำความเข้าใจร่วมกันว่า ปัจจุบันนี้คนเมืองเผ่าพันธุ์ใหม่นั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

 

 

Culture of Community: วัฒนธรรมแห่งการอยู่ร่วมกัน  

เดิมนั้นเราอาจมองว่าสังคมเมืองคือการที่ต่างคนต่างอยู่ เป็นเพื่อนบ้านกันหรืออยู่คอนโดเดียวกันก็ไม่เคยทำความรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่าสังคมที่ต่างคนต่างอยู่ทำให้กลายเป็นสังคมที่แห้งแล้ง ผู้คนรู้สึกโดดเดี่ยว ยิ่งเมื่อช่วงโควิดที่ผ่านมา ชีวิตต้องพบกับเรื่องของการกักตัว การเก็บตัวอยู่บ้าน ต้อง Social Distancing การที่ไม่สามารถพบเจอเพื่อนฝูง คนในครอบครัว หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานก็แทบจะไม่ได้เจอกัน ทำให้สังคมขาดความอบอุ่นในจิตใจ

สิ่งเหล่านี้ทำให้สังคมเริ่มเห็นคุณค่าของความใกล้ชิดกันมากขึ้น เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับคนใกล้ตัว โอบรับเรื่องของการแบ่งปัน แชร์ริ่งร่วมกันมากขึ้น เพราะสร้างประโยชน์ได้มากกว่า และที่สำคัญช่วยกันเยียวยาทางจิตใจได้ด้วย เปลี่ยนสังคมเมืองที่หลายคนมักมองว่าเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวเอง กลายเป็นสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนไอเดียหรือความคิดที่มีคล้ายกัน เกิด Culture ทางสังคมของการรวมตัวคนที่มีความชอบเหมือนกัน บนพื้นที่แห่งความคิดสร้างสร้างสรรค์ ทำให้เราเห็นวัฒนธรรมของ Co Working Space การจับกลุ่มทำกิจกรรมของผู้คน หรือแม้กระทั่งแบรนด์เองก็ชอบที่ Co-Creation ให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ เหล่านี้หล่อหล่อมให้เกิด Culture ที่เน้นการอยู่ร่วมกันมากยิ่งขึ้น เกิดเป็นกลุ่มก้อนของเผ่าพันธุ์ที่มีความคิดและความชอบแบบเดียวกัน ซึ่งถือเป็นนิยามใหม่ของคนเมืองที่เราเห็นภาพชัดมากขึ้นในปัจจุบัน

 

                                        

Service Serve Your Living: ให้ความสำคัญกับทางเลือกของการบริการเพื่อการใช้ชีวิตที่ดี

มากไปกว่านั้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คนเมืองเห็นค่าและให้ความสำคัญกับเรื่องของเวลาและการใช้ชีวิตมากขึ้น พวกเขาเรียนรู้ว่าการใช้เทคโนโลยีก็ดี หรือการยอมใช้จ่ายเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับชีวิตทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้คนยังคงนิยมกับการสั่งอาหารแบบ Delivery เหมือนเดิม แม้หมดวิกฤตโควิดไปแล้ว คนยังสนุกกับการช้อปปิ้งออนไลน์อยู่ แม้ว่าห้างจะกลับมาเปิดปกติแล้วหรือการที่หลายบริษัทสร้างวัฒนธรรมใหม่ของการ Work from home ได้ หรือให้พนักงานทำงานแบบ Hybrid working เพื่อไม่ต้องเสียเวลาไปกับรถติด

รวมไปถึงการที่ผู้คนยอมเสียค่าใช้จ่ายจ้างแม่บ้านจากบริษัทผู้ให้บริการมาดูแลทำความสะอาดบ้านให้ เพื่อเอาเวลาไปทุ่มเทกับสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่า อย่างบริการของเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ “แอสคอทท์” (Ascott) ซึ่งเป็น Property management ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยให้บริการด้านงานต่างๆ ไม่ว่าจะซักผ้ารีดผ้า ทำความสะอาด ฯลฯ เป็นไปตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว สิ่งเหล่านี้เป็นเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะคนเมืองพบว่ามันสามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับชีวิตได้ แล้วเอาเวลาที่เหลือไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นแทน เช่น การทุ่มเทให้กับงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตกับคนรอบตัวทั้งเพื่อนฝูงและครอบครัว หรือแม้แต่การให้เวลากับตัวเองดูแลตัวได้มากขึ้น เช่น ไปเล่นโยคะ ออกกำลังกาย เป็นต้น แล้วปล่อยสิ่งเล็กๆ เหล่านี้เป็นเรื่องของมืออาชีพมาทำให้ชีวิตง่ายและสบายมากขึ้น นี่คือมุมมองใหม่ของคนเมืองที่ใช้โอกาสจากเซอร์วิสและบริการดีๆ มาตอบโจทย์การใช้ชีวิต

 

 

Urban Live Your Urbanization: สีสันและชีวิตความเป็นเมืองที่ไม่หลับไหล

กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่ได้รับการขนานนามว่า The City That Never Sleeps โดยเฉพาะย่านทองหล่อ สุขุมวิท สยาม จุฬา สีลม ซึ่งถือเป็นหน้าตาของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงโควิด 2 ปีที่ผ่านมา ภาพของถนนหนทางที่โล่ง ไม่มีรถติดแทบไม่เห็นรถวิ่ง หรือภาพของร้านรวงไร้ลูกค้า เป็นความสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ราวกับว่าถูกโฟโต้ช้อปลบภาพให้ผู้คนหายไป

แต่หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลีคลาย ทั้งนโยบายรัฐที่ผ่อนปรนมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ ก็เริ่มปรับตัวรับกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้นก็ทำให้เมืองกลับมามีสีสันมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง จนทำให้หลายๆ พื้นที่ในกรุงเทพฯ กลับมาเป็นเมืองที่ไม่หลับใหลอีกครั้ง ตอกย้ำด้วย ผลสำรวจ ที่ระบุว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุด อันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก รวมไปถึงหลายสำนักที่ระบุตรงกัน โดยมีกรุงเทพฯ ติดอันดับท็อปอยู่เสมอ และเป็นเมืองหลวงที่นักท่องเที่ยวจะต้องปักมุดมาเยี่ยมเยียนให้ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของร้านอาหาร สตรีทฟู้ด 24 ชั่วโมง การเดินทางทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน ตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการเดินทาง ยังไม่นับรอยยิ้มของผู้คนที่พร้อมต้อนรับผู้คนที่มาเยือน ส่งผลให้กรุงเทพฯ คือจุดเริ่มต้นของการสร้าง Culture และสีสันแห่งวัฒนธรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะดาวเด่น ได้แก่ ทองหล่อ สุขุมวิท สีลม จุฬาฯ สามย่าน ฯลฯ ร้านรวงหลายแห่งเริ่มตอบโจทย์ Vibe Life แบบ 24/7 ของคนเมือง ซึ่งสังเกตเห็นได้ชัดว่า ร้านอาหารหรือร้านกาแฟหลายแห่งเริ่มปรับมาเปิดแบบ 24 ชั่วโมงซึ่งที่พักอาศัยเองก็ต้องสร้างพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ Vibe แบบนี้ได้แล้ว

 

Sustainability Tribe of The Future: เผ่าพันธุ์ใหม่ของการใส่ใจอนาคตที่ยั่งยืน

คนยุคใหม่กับการให้ความสำคัญเรื่องของสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับคนเมืองที่ไม่ได้มองแค่เรื่องของตัวเองอีกแล้ว แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการแคร์ริ่ง ความใส่ใจคนรอบตัวและสิ่งรอบตัวมากขึ้น ก่อให้เกิด Culture ที่ผู้คนให้สำคัญเรื่องของสิ่งแวดล้อมและส่งมอบโลกที่ให้คนรุ่นต่อไป เกิดเป็นเผ่าพันธุ์ของผู้คนที่สนใจเรื่อง Sustainability  เช่น การรวมตัวและแบ่งปันความรู้เรื่องการลดใช้พลาสติก การรวมกลุ่มของคนทาน Vegan เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นคอมมูนิตี้ใหม่ๆ ที่ค่อยๆ งอกเงยและอยู่ในความสนใจของคนเมืองเผ่าพันธุ์ใหม่ ซึ่งคนเหล่านี้ก็พยายามมองหาสิ่งที่จะมาตอบโจทย์การปรับตัวใหม่เพื่อการใช้ชีวิตที่สามารถดูแลสิ่งแวดล้อมของพวกเขาในอนาคตต่อไปได้

ความต้องการเหล่านี้ทำให้เกิดเทรนด์ของการรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระแสของรถ EV การเลือกซื้อกาแฟจากร้านที่ใช้ถ้วยน้ำรีไซเคิลหรือใช้กระบอกน้ำส่วนตัวแล้วมีส่วนลดได้ รวมไปถึงการเลือกที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่สร้างมลภาวะ หรือที่อยู่ที่มีระบบการจัดการเรื่องขยะที่ดี ส่งเสริมให้เกิดการคัดแยะขยะ มีการใช้พลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์ เป็นต้น เป็นปัจจัยสำคัญที่คนยุคใหม่ใช้ในการเลือกที่อยู่อาศัยในปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งผู้พัฒนาที่ดินเองไม่ควรมองข้ามความต้องการนี้เช่นกัน

 

 

XXXXXXX CULTURE โดย อนันดาฯ XXXXXXXX

ทั้งหมดนี้สร้างให้เกิด Culture ใหม่ของคนเมือง เกิดเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ของผู้คนในปัจจุบัน ที่มองหาสิ่งที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของพวกเขาได้ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยซึ่งปัจจุบันคนเมืองให้ความสำคัญในบริบทต่างๆ มากขึ้น มากกว่าแค่เรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป

เร็วๆ นี้เราเห็นการขยับของแบรนด์ผู้พัฒนาที่ดิน ที่ยืนหนึ่งในเรื่องความเข้าใจชีวิตคนเมือง ได้แก่ อนันดาฯ กับการเปิดคอนโดแบรนด์ใหม่ในนามว่า CULTURE แบรนด์ที่ครีเอทขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์แนวคิดคนเมืองเผ่าพันธุ์ใหม่ New Tribe of Urban Living สร้างสรรค์ออกมาเป็นการรวมตัวกันทางความคิดของกลุ่มคนเมืองที่มีความเชื่อในการมองหาทางเลือกการใช้ชีวิตแนวใหม่ เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ผสานความยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจและสะท้อนตัวตนที่โดดเด่นในการอยู่อาศัย

ที่สำคัญเกิดยังเกิดจากการ Co-creation ร่วมกับ สแครทช์ เฟิร์สท์ (Scratch First) ผู้สร้างสรรค์งานวันเดอร์ฟรุ๊ตเฟสติวัล ไลฟ์สไตล์เฟสติวัลระดับโลก ที่มีดีเอ็นเอตรงกันในเรื่องความเข้าใจวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ มาพร้อมกับอีกหนึ่งพารทเนอร์ “แอสคอทท์” (Ascott) เพื่อสร้างสรรค์บริการระดับเวิลด์คลาส บนสุดยอด 2 ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ได้แก่

 

  1. โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ (Culture Thonglor) คอนโดแบรนด์ใหม่จากอนันดา บนทำเลใจกลางแหล่งธุรกิจและ LIFESTYLE เพียง 250 เมตรจาก BTS สถานีทองหล่อ การเดินทางสะดวกสบาย โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและประสบการณ์ร่วมของผู้อยู่อาศัย ยกระดับการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยตลอด 24 ชม. และบริการที่ได้มาตรฐานโรงแรมชั้นนำที่สามารถเลือกสรรบริการต่างๆได้
    ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยและการพักผ่อนภายในโครงการอย่างเต็มที่มาพร้อมกับราคาที่คนเมืองเอื้อมถึงได้ เริ่ม 4.09 ล้านบาท สัมผัสประบการณ์การอยู่อาศัยแบบNew Tribe ได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายโครงการ ข้อมูลโครงการเพิ่มเติม : https://anan.ly/3gWfxlv

 

 

  1. โครงการ คัลเจอร์ จุฬา (Culture Chula) คอนโดแบรนด์ใหม่จากอนันดาบนที่ดิน Free Hold ของย่านจุฬา
    เพียง 350 เมตร จาก MRT สามย่าน และ 290 เมตรจาก BTS ศาลาแดง ตั้งอยู่ใจกลางสถานศึกษาชั้นนำ
    เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของสามย่าน วิถีชีวิตยุคใหม่ที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับแนวคิดรักษ์โลกที่สร้างสรรค์อย่างลงตัวทั้งการทำงาน และการพักผ่อนด้วย CO-WORKING SPACE พร้อมรองรับการใช้งานตลอด 24 ชม. และบริการที่ได้มาตรฐานโรงแรมชั้นนำที่สามารถเลือกสรรบริการต่างๆได้ ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยและการพักผ่อนภายในโครงการอย่างเต็มที่ พร้อมความพิเศษเป็นคอนโดห้องเพดานสูง 2 ชั้นทุกยูนิต ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของคนจุฬาอย่างแท้จริง ในราคาเริ่ม 6.9 ล้านบาทสัมผัสประบการณ์การอยู่อาศัยแบบ New Tribe ได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายโครงการ ข้อมูลโครงการเพิ่มเติม : https://anan.ly/3U14l5S

 

ทั้ง Culture Thonglor และ Culture Chula สองโครงการนี้เอง ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองยุคใหม่อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการอยู่อาศัย พฤติกรรม และความต้องการของคนเมืองที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว นับว่าเป็นคอนโดที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ลงตัวอย่างที่สุด.

 


  • 4.2K
  •  
  •  
  •  
  •