เปิดอาณาจักร “เซ็นทรัล เวียดนาม” ทุ่ม 5 หมื่นล้าน ดันยอดขาย 1.5 แสนล้าน พร้อม 5 เหตุผลทำไมต้องเวียดนาม

  • 98
  •  
  •  
  •  
  •  

central retail vietnam

ทุกวันนี้ถนนทุกสายวิ่งสู่ “ประเทศเวียดนาม” หมุดหมายสำคัญของการลงทุน ทั้ง Global Company และ Regional Company หนึ่งในนั้นคือ “เซ็นทรัล รีเทล” (Central Retail) ที่เข้าไปปักหมุดตั้งแต่ปี 2012 พร้อมจัดตั้งบริษัท “เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม” (Central Retail Vietnam)

ถึงปัจจุบันย่างเข้าสู่ปีที่ 11 แล้ว อาณาจักรเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง เพื่ออสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยงบ 50,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 150,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีจากนี้

Marketing Oops! ชวนมาดูอาณาจักรค้าปลีกเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม และค้นคำตอบกันว่าทำไมเวียดนาม จึงเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำหรับเซ็นทรัล ?!?

Central Retail Vietnam_GO!

 

ตามดูอาณาจักรค้าปลีกเซ็นทรัล เวียดนาม – 10 ปี ขยาย 40 จังหวัด

หากย้อนไทม์ไลน์ธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามของเซ็นทรัล รีเทลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

– เริ่มต้นในปี 2012 เข้าสู่ตลาดเวียดนามด้วยแบรนด์แฟชั่น

– ต่อมาในปี 2015 เป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นของเวียดนามคือ “เหงียนคิม” (Nguyen Kim) และ “ลานชี มาร์ท” (Lan Chi)

– ปี 2016 ขยายสู่ธุรกิจ Food Retail ด้วยการซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนาม

– จากนั้นปี 2017 – 2018 ได้เปิดตัวแบรนด์ค้าปลีก Look Kool และ Kubo

– ในปี 2018 แนะนำโมเดล Shopping Mall ภายใต้แบรนด์ “GO!” สู่ตลาดเวียดนาม

– ปี 2019 รีแบรนด์บิ๊กซี เป็นแบรนด์ “GO!” และถือหุ้น 100% ในเหงียนคิม

– ปี 2020 ปรับโฉมศูนย์การค้า GO! 5 สาขา พร้อมทั้งเปิดศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่อีก 4 แห่ง และเปิดตัวแบรนด์ Mini go!

– ปี 2021 ปรับโฉมศูนย์การค้า GO! 8 สาขา และเปิดศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่เพิ่ม 3 แห่ง นอกจากนี้ยังได้นำแบรนด์ Tops Market จากไทยมาทำตลาดที่เวียดนาม และเปิดตัว Central App

– ปี 2022 เดินหน้าขยายสาขาศูนย์การค้า GO!, Tops Market และ Mini go!

Central Retail Vietnam

ถึงปัจจุบัน Business Ecosystem ของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งแต่ละกลุ่มมีพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ค้าปลีก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเวียดนามได้อย่างครอบคลุม คือ

– กลุ่มธุรกิจ Food ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! รวม 38 สาขา, Tops Market (ท็อปส์ มาร์เก็ต) รวม 10 สาขา, ซูเปอร์มาร์เก็ต Mini go! รวม 3 สาขา ซึ่งโมเดล go! เน้นขยายสาขาตามเมืองรองของเวียดนามในโซนใต้ และกลาง และลานชี มาร์ท รวม 24 สาขา

นอกจากนี้เมื่อปี 2020 เซ็นทรัล รีเทล เวียดนามยังได้เปิดตัวธุรกิจ Bip Bip เป็นธุรกิจขนส่งเพื่อสนับสนุนการจัดส่งสินค้าของ Tops Market ไปยังผู้บริโภค อย่างไรก็ตามภายในปี 2023 เตรียมยกเลิกแบรนด์นี้ เนื่องจากจะยุบรวมไปอยู่กับ Tops Online

– กลุ่ม Property ได้แก่ ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ GO! รวม 39 สาขา

– กลุ่ม Non-food ได้แก่ เหงียนคิม (ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์), ซูเปอร์สปอร์ต, คุโบ ({Playground สำหรับเด็ก) และโรบินส์

Central Retail Vietnam

หากแบ่งตาม Store Format และ Target Market ของธุรกิจ Food และ Shopping Mall ประกอบด้วย

– Big Box Format หรือค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่มี Catchment Area ครอบคลุมในวงกว้าง

  • ศูนย์การค้า GO!
  • ไฮเปอร์มาร์เก็ต GO!

– Tops Market ซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดในเมือง Tier 1 และ 2 เพื่อเจาะกลุ่มคนเมือง

– go! ซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดในเมืองรอง

Central Retail Vietnam

ล่าสุดได้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ต go! สาขาใหม่ที่จังหวัด Bihn Duong (บิ่ญเชือง) ขนาด 1,700 ตารางเมตร มี Catchment Area เดินทางภายใน 20 นาทีโดยรอบสาขา

โมเดลสาขา Bihn Duong (บิ่ญเชือง) เน้นกลุ่มสินค้า Non-food 60% และ Food 40% ภายใต้คอนเซ็ปต์ Everyday Low Price เหตุผลที่สัดส่วนสินค้าไม่ใช่อาหารมากกว่าสินค้าอาหาร และพื้นที่จำหน่ายอาหารสดไม่ใหญ่มากนัก โดยเน้นวัตถุดิบนำเข้า และเบเกอรี่ เนื่องจากต้องการทำธุรกิจอยู่ร่วมกันได้กับท้องถิ่น ไม่ได้เข้ามาแข่งขันกับตลาดสด

โดยจะศึกษาก่อนว่าสินค้าประเภทใดที่ตลาดสดไม่มี “go!” จะนำมาจัดจำหน่าย เช่น กลุ่มสินค้าเบเกอรี่ พบว่าร้านค้าโดยรอบสาขา Bihn Duong ไม่มีจำหน่ายเบเกอรี่ ในซูเปอร์มาร์เก็ตจึงมีมุมเบเกอรี่ เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่พื้นที่โดยรอบ

– ลานชี มาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดในแถบเหนือของเวียดนาม

รวมแล้ว เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 340 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 1,200,000 ตารางเมตร ใน 40 จังหวัด ถือเป็น Retailer ต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนามรายใหญ่สุด และเป็นอันดับ 1 ในค้าปลีกเซ็กเมนต์ไฮเปอร์มาร์เก็ต ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 62% และอันดับ 2 ในกลุ่มไลฟ์สไตล์มอลล์  โดยตั้งเป้าขยายครอบคลุม 53 จังหวัด (จากจังหวัดในเวียดนามมีทั้งหมด 63 จังหวัด)

Central Retail Vietnam

Central Retail Vietnam

 

5 เหตุผลทำไม “เวียดนาม” เป็นตลาดยุทธศาสตร์ของเซ็นทรัล

จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และจากนี้ไป “เวียดนาม” คือ หนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของเซ็นทรัล รีเทล มาจาก 5 เหตุผลหลักคือ

1. เศรษฐกิจของประเทศเวียดนามเติบโตต่อเนื่อง

คาดว่า GDP ปี 2022 จะโตอยู่ที่ 6.7% ขยายตัวสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5% และมีการประมาณการณ์ว่าในปี 2024 GDP ของเวียดนามจะอยู่ที่ 7.2% ส่วนประเทศไทยอยู่ที่ 3.5%

2. ประชากร 99 ล้านคน และคาดปี 2030 จะเพิ่มขึ้นเป็น 105 ล้านคน

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เวียดนาม” มีจำนวนประชากรมากสุดเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวน 99 ล้านคน (อันดับ 1 คือ อินโดนีเซีย กว่า 273.5 ล้านคน, อันดับ 2 คือ ฟิลิปปินส์ กว่า 109.5 ล้านคน) และคาดการณ์ว่าในปี 2030 ประชากรจะเพิ่มขึ้นเป็น 105 ล้านคน

ประชากรส่วนใหญ่ของเวียดนามอยู่ในวัยหนุ่มสาว หรือวัยทำงาน ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ และเป็นฐานผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่มีการใช้จ่าย

3. การขยายตัวอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากรในเมือง (Urbanization)

– ปี 2019 สัดส่วนจำนวนประชากรในเมือง อยู่ที่ 34% ของประชากรในประเทศ

– ปี 2024 คาดการณ์สัดส่วนจำนวนประชากรในเมือง จะเพิ่มขึ้นเป็น 41% ของประชากรในประเทศ

– ปี 2029 คาดการณ์สัดส่วนจำนวนประชากรในเมือง จะเพิ่มขึ้นเป็น 50%

การเพิ่มขึ้นของความเป็นเมือง และประชากรในเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงความเจริญเติบโตของประเทศ และสิ่งที่ตามมาคือ การเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการบริโภค และการใช้จ่ายที่ผู้คนจะต้องการสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

Central Retail Vietnam

4. อัตราการขยายตัวของ Modern Trade ยังน้อย จึงมีโอกาสอีกมหาศาล

ปัจจุบันโครงสร้างตลาดค้าปลีกในเวียดนาม ส่วนใหญ่ยังคงเป็น Traditional Trade หรือร้านค้าดั้งเดิมเป็นหลัก อย่างไรก็ตามจากการพัฒนาของประเทศ และการขยายตัวของความเป็นเมือง ทำให้ค้าปลีก “Modern Trade” เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตคนเวียดนามมากขึ้น

สัดส่วนระหว่าง Traditional Trade กับ Modern Trade เป็นดังนี้

– ปี 2016 Traditional Trade 92% : Modern Trade 8%

– ปี 2022 Traditional Trade 89% : Modern Trade 11%

– ปี 2027 คาดการณ์ว่า Traditional Trade 87% : Modern Trade 13%

ข้อมูลจาก Euromonitor คาดการณ์มูลค่าตลาด Grocery Retail ในเวียดนาม พบว่า

– มูลค่าตลาด Traditional Trade อยู่ที่ 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

– มูลค่าตลาด Modern Trade อยุ่ที่ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รวมทั้งสองตลาดค้าปลีก มีมูลค่า 49,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จะเห็นได้ว่าโอกาสในการขยายตัวของ Modern Trade ในเวียดนามยังมีอีกมาก ซึ่งหากเทียบกับประเทศไทย เวลานี้สัดส่วนระหว่าง Modern Trade กับ Traditional Trade อยู่ที่ 50 : 50 แล้ว

Central Retail Vietnam_GO!

5. การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

เวียดนามไม่เพียงเป็นฐานการผลิตใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น ขณะเดียวกันยังต้องการผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน

– ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเวียดนามอยู่ที่ 18 ล้านคน

– ปี 2020 – 2022 ด้วยสถานการณ์ COVID-19 กระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเวียดนาม จึงทำให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเวียดนามลดลง

– ปี 2023 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเวียดนาม โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11 ล้านคน

– ปี 2024 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19 ล้านคน

– ปี 2025 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ล้านคน

การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ย่อมกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และนำพาการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจค้าปลีก

Central Retail Vietnam

 

โรดแมป 5 ปี “เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม” ทุ่ม 50,000 ล้านบาท – ตั้งเป้ายอดขาย 150,000 ล้านบาท

สำหรับโรดแมป 5 ปี ของ เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ยังคงเดินหน้าเตรียมขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ สอดรับกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าอัดงบลงทุน 5 ปี ในเวียดนามอีกกว่า 50,000 ล้านบาท (ไม่รวมงบ M&A) เพื่อสร้างยอดขาย 150,000 ล้านบาท และ double จำนวนร้านค้าเป็น 600 สาขา ครอบคลุมทั้งสิ้น 57 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ ตาเป้าหมายที่ได้วางไว้ เพื่อก้าวเป็นเบอร์ 1 ด้าน Omnichannel ในกลุ่มธุรกิจ Food และอันดับ 2 ในกลุ่ม Property ของเวียดนาม ภายในปี 2027

คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ฉายภาพถึงบทบาทของตลาดเวียดนามว่า เวียดนามเป็น Key Market ของเซ็นทรัล รีเทล จากศักยภาพของประเทศที่มีความพร้อมในหลายด้าน และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างเต็มกำลังตลอด 11 ปีที่ผ่านมา

จากจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่มีเพียงไม่กี่สาขา ปัจจุบันเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 340 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 1,200,000 ตารางเมตร ใน 40 จังหวัด คิดเป็น 85% ของ GDP ประเทศเวียดนาม

และสร้างยอดขายเติบโตก้าวกระโดด จาก 300 ล้านบาท ในปี 2014 จนปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 38,592 ล้านบาท และล่าสุดปี 2022 สามารถปิดยอดขายในเวียดนามเป็นสัดส่วนถึง 25% ของยอดขายทั้งหมดของเซ็นทรัล รีเทล ส่งผลให้ เซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้านไฮเปอร์มาร์เก็ต และอันดับ 2 ด้านศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์

Central Retail Vietnam_go!

“ในอีก 5 ปีข้างหน้า เซ็นทรัล รีเทล ตั้งเป้ารายได้โต 2.5 เท่า เมื่อถึงวันนั้นสัดส่วนของเวียดนาม จะทำรายได้ 30%, ประเทศไทย 65% และอิตาลี 5% เพราะฉะนั้นเวียดนามเป็นตลาดสำคัญ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจำนวนประชากรมากกว่าไทย จึงเป็นตลาดใหญ่ และ Modern Trade ยังน้อยกว่าไทย

ดังนั้นยังมีโอกาสอีกมากในเวียดนาม และถ้าเราต้องการครองตลาด Modern Trade ในเวียดนามได้เร็ว ต้องโฟกัสธุรกิจ Food และ Property คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ฉายภาพถึงบทบาทของตลาดเวียดนาม

Central Retail Corporation
คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC

ส่วนในปี 2023 เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม” ได้เตรียมทุ่มงบลงทุนอีกกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อขยายอาณาจักรให้ครอบคลุมทั่วประเทศเวียดนาม

คุณโอลิวิเยร์ แลงเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม เล่าแผนธุรกิจ ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์คือ

1. สร้างการเติบโตธุรกิจกลุ่มฟู้ดครอบคลุมทั่วประเทศ: ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ไฮเปอร์มาร์เก็ต ด้วยการรีแบรนด์และรีโนเวท GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวม 10 สาขา พร้อมทั้งขยาย Tops Market และ Mini go! เพิ่มขึ้น 8 – 10 สาขา เพื่อรองรับผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ตลอดจนเสริมแกร่งกลุ่มอาหาร Fresh และ Non-Food เพื่อดึงดูดทราฟฟิกผู้บริโภคใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น

Central Retail Vietnam_go!

Central Retail Vietnam_go!

2. สร้างความแข็งแกร่งธุรกิจกลุ่ม Property: รีโนเวทศูนย์การค้า GO! รวมทั้งสิ้น 10 สาขา ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และเตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกในอนาคต พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าด้วยร้านค้าในศูนย์ฯ ที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Central Retail Vietnam_GO!

Central Retail Vietnam_GO!

3. ยกระดับและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของเหงียนคิม: รีโนเวทร้านเหงียนคิม รวม 10 – 12 สาขา และขยายร้านเหงียนคิมอีก 3 -5 สาขา ทั้งแบบ Standalone และขยายเข้าไปในศูนย์การค้า GO! เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร

Central Retail Vietnam_GO!

4. พัฒนา Loyalty Platform เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการกว่า 66 ล้านคน: ยกระดับ Loyalty Platform ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะเข้าใจอินไซด์ของลูกค้า และมอบสินค้าและบริการที่ตรงใจ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ The 1 มาช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดีขึ้น

การปักหมุดและเดินหน้าลงทุนเวียดนามอย่างต่อเนื่อง จะเป็นอีกหนึ่งฐานตลาดอันแข็งแกร่งของเซ็นทรัล รีเทล ที่ตอบโจทย์ทั้งการเติบโตด้านผลประกอบการ กระจายความเสี่ยงธุรกิจ และทำให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุนจากฐานตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน 3 ประเทศคือ ไทย – เวียดนาม – อิตาลี

“ความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมผู้บริโภคไทย กับเวียดนามคือ รายได้คนเวียดนามยังน้อยกว่าไทย แต่ภายใน 10 ปีจากนี้ จะได้เห็นรูปแบบการใช้ชีวิตที่พรีเมียมขึ้น อย่างเราเอาแบรนด์ Dyson มาทำตลาดเวียดนาม ลูกค้าเวียดนามกลุ่มมีกำลังซื้อให้การตอบรับอย่างดี สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าเริ่มมีไลฟ์สไตล์ใหม่ และเปิดรับเทรนด์ออนไลน์” คุณญนน์ ขยายความเพิ่มเติม

Central Retail Vietnam_go!

Central Retail Vietnam_GO!

Central Retail Vietnam
คุณโอลิวิเยร์ แลงเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม

สนับสนุนชุมชน สังคมท้องถิ่น

ไม่เพียงสร้างการเติบโตทางธุรกิจ “เซ็นทรัล รีเทล ยังได้เข้าไปยกระดับชุมชน สังคม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเวียดนามในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สนับสนุนเกษตรกรในชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 40% ไปจนถึงการทุ่มงบมากกว่า 10 ล้านบาท ในการสร้างโรงเรียนให้กับเด็กชาวเวียดนาม และการเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือและเคียงข้างประชาชนชาวเวียดนามในช่วงวิกฤต COVId-19 ด้วยยอดเงินบริจาครวมมากกว่า 20 ล้านบาท

เรายังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น Vietnamese Week in Thailand  ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 5 ปี และการจัด Business Matching ภายในงาน เพื่อสนับสนุนการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมไปถึงการลงนาม MOU ของสมาคมค้าปลีกไทยและเวียดนาม

ทั้งยังนำความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสอดแทรกเข้าในทุกมิติ อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาศูนย์การค้า GO! รวม 20 สาขา การติดตั้งสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในศูนย์การค้า และลดการใช้ถุงพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่จะเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2593 ตามเป้าหมายที่เซ็นทรัล รีเทล วางไว้

ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการทำธุรกิจ ควบคู่ไปกับการยกระดับสังคมและชุมชน ทำให้ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนาม เติบโตมาอย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับจากชาวเวียดนาม รวมถึงได้รับการสนับสนุนอันดีจากรัฐบาลเวียดนามมาโดยตลอด ซึ่งเราจะยังคงทำเพื่อสังคมและประชาชนชาวเวียดนามต่อไป เพราะเจตนารมณ์ของเรา คือ การสร้างความเจริญและเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกที่ที่เราเข้าไปทำธุรกิจ” คุณญนน์ สรุปทิ้งท้าย

Central Retail Vietnam_go!

Central Retail Vietnam_go!

Central Retail Vietnam_go!


  • 98
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ