“ไก่เชื่อมเจน” โฆษณาที่ปั่นสุด กับการเชื่อมทุกไอเดียของคนทุกวัยลงในโฆษณาๆ เดียว!

  • 6.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

สิ่งแรกที่ผุดในใจหลังเห็นโฆษณาตัวนี้คือ

ขายงานลูกค้าผ่านได้ไงเนี่ย ?

เพราะมัน amazing มากจนแทบจะเรียกว่าเปลี่ยนวิธีคิดของการทำหนังโฆษณาไปได้เลย

งานโฆษณาที่พูดถึงเป็นชิ้นอื่นไปไม่ได้ นอกจากงานตัวล่าสุดจาก “ไก่ย่างห้าดาว” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ Talk ทั้งในวงการโฆษณาและเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ทั้งในมุมครีเอทีฟสุดแหวกแนว แถมยังมีเมสเสจที่ได้แง่คิดในหลายๆ แง่มุม ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดูหรืออยากจะดูซ้ำอีกเพื่ออรรถรสในการอ่านบทความ ก็เรียนเชิญด้านล่างได้เลย

 

 

โฆษณาตัวล่าสุดจาก “ไก่ย่างห้าดาว” ในชื่อว่า “ไก่เชื่อมเจน” อย่างที่บอกว่าเห็นงานตัวนี้แล้ว ทึ่งมากๆ จนเกิดความรู้สึกในใจอย่างที่กล่าวไปว่า ขายงานชิ้นนี้ผ่านลูกค้าได้ไง? เพราะถือว่าเป็นอะไรที่ แหกแทบทุกกฎเกณฑ์ ตั้งแต่การใช้พรีเซ็นเตอร์ การนำเสนอความเรียล (แบบเรี้ยลเรียล) การสื่อสารที่สามารถรวมทุกเจเนเรชั่นได้ในงานชิ้นเดียว และอื่นๆ อีกมากมาย แต่พอได้ดูซ้ำอีกรอบและค่อยๆ คิดตาม ถึงได้เข้าใจว่ามีเหตุผลที่น่าสนใจอยู่ว่าเพราะอะไรที่ทำให้โฆษณานี้ถึงถูกอกถูกใจผู้ชมนัก และที่สำคัญอาจจะเป็นการสร้างบาร์งานครีเอทีฟโฆษณาไทยใหม่ไปอีกขั้นหนึ่งด้วย ดังนั้น บทความนี้จึงเราอยากจะชวนทุกคนมาร่วมคิดวิเคราะห์ไปด้วยกันกับผลงาน “ไก่เชื่อมเจน”

 

“ไก่เชื่อมเจน” Real Idea ที่เกิดจากการฟังเสียงของคนทุกเจนฯ อย่างแท้จริง

ต้องบอกว่าแบรนด์ “ไก่ย่างห้าดาว” เป็นแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยมานานกว่า 30 ปี เป็นเมนูที่เมื่อครั้งยังเด็กเราจะเห็นภาพของความที่คุณพ่อคุณแม่หอบหิ้วไก่ย่างห้าดาวมา แล้วทุกคนในบ้านมานั่งล้อมวงทานกินกันในครอบครัว หรือบางคนก็อาจจะเป็นตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าซื้อมาฝากหลาน ๆ ล้วนเป็นภาพจำของการเชื่อมโยงและความแน่นแฟ้นของคนแต่ละเจเนเรชั่นแต่อยู่ร่วมกันได้ ตรงนี้คือภาพที่เราจดจำไม่เปลี่ยนแปลงจากแบรนด์ไก่ย่างห้าดาว

ดังนั้น ด้วยชุดความคิดนี้ ทำให้ “ไก่ย่างห้าดาว” ตัดสินใจที่จะหยิบ Brand Essence ตรงจุดนี้ออกมาสร้างสรรค์เป็นไอเดียหลักของงานโฆษณา นั่นคือการการนำเอาความคิดเห็นแต่ละเจเนเรชั่นมารวมกันนั่นเอง

 

 

ประเด็นนี้สะท้อนได้ชัดเจนจากการที่นำเอา ไอเดียของคนทุกคน ทุกวัย ทุกเพศ มาจับใส่ในโฆษณา และที่น่าสนใจมากๆ เลยคือ ทุกไอเดียเกิดจากการรวบรวมคำตอบจริงๆ ของผู้บริโภค ซึ่งเริ่มต้นจากการที่ “เวียร์” โพสต์บนอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อขอไอเดียจากแฟนๆ ว่าอยากให้เขาทำอะไร? ก่อนที่จะไปรวบรวมจากแหล่งต่างๆ ซึ่งมีทั้ง online และ on-ground ด้วยการที่ทีมงานลงภาคสนามจริงเดินถามผู้คนจริงๆ กันเลย เรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่ได้จาก Insight ที่แท้จริง

 

 

มากไปกว่านั้นคำตอบที่ได้ก็ยังทำให้เห็นมุมความคิดของแต่ละเจเนเรชั่นที่แตกต่างกันไป อาทิ ไอเดียของกลุ่ม Baby boom ไอเดีย ก็จะบ่งบอกความคิดของคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น การให้เวียร์เป็นหัวหน้าเกษตรกร เรื่องหนังจีนกำลังภายใน สงครามรบแบบกองโจร มวย ฯลฯ หรือกลุ่ม Gen X, Gen Y ที่เดี๋ยวนี้มีไลฟ์สไตล์ชอบการไปแคมป์ปิ้ง ก็จะเสนอไอเดียการย่างไก่กับการตั้งแคมป์ การเปิดเพลงป๊อปให้ไก่ฟัง เป็นต้น ส่วนกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสำคัญเรื่อง Diversity ก็อยากให้หยิบเอามุมการนำเสนอแบบ Unisex เข้ามาใส่ในโฆษณาด้วย ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อไปถามกลุ่ม Gen Alpha ที่เติบโตมากับ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” และเจ้าหญิงดิสนีย์ อย่าง Frozen  ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าแต่ละเจเนเรชั่นเขาเติบโตมากับอะไร และให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร แต่ทว่าทั้งหมดนี้ก็สามารถรวมอยู่ในเรื่องเดียวกันได้

 

 

ขณะเดียวกัน วิเคราะห์ในมุมการตลาดก็ต้องบอกว่าเป็นแคมเปญที่มีกลยุทธ์แยบคายในการหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อย่างดีมากด้วย เพราะต้องบอกว่าสำหรับ “ไก่ย่างห้าดาว” แม้จะเป็นแบรนด์ที่คนเจนฯ เก่ารู้จักเป็นอย่างดี แต่ในมุมคนรุ่นใหม่อาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายของแบรนด์อายุ 30 กว่าปี แต่โฆษณาชิ้นนี้กลับสามารถดึงความสนใจและคอนเน็คกับเด็กเจนฯ ใหม่อย่าง Gen Z และ Gen Alpha ได้ดีทีเดียว ซึ่งการที่โฆษณามีความครีเอทีฟและเปิดกว้างทางความคิด ทำให้เป็นแบรนด์ที่เข้าไปอยู่ในใจคนรุ่นใหม่ และยังเป็นโอกาสที่จะสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อีกด้วย กลายเป็นแบรนด์รุ่นเก๋าที่ไม่เคยตกยุคเลย พี่เค้ามาทุกยุคจริงๆ

 

โฆษณาที่หยิบเอาไอเดียคนดูมาสร้างเป็นของจริง จนทำให้งานไวรัลยอดวิวทะลุ 4 ล้านแล้ว

อีกจุดที่ส่วนตัวผู้เขียนเองมีความชื่นชอบเป็นพิเศษคือ นอกเหนือจากที่เปิดรับไอเดียของทุกคน ทุกเจเนเรชั่นแล้ว ยังนำเอาไอเดียเหล่านั้นมาทำให้มันเป็นจริงได้ บนโฆษณาจริงๆ ที่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหม่ในวงการโฆษณาที่เราไม่เห็นบ่อยนัก กับความกล้าที่จะยำเอาทุกไอเดีย (ทุกไอเดียจริงๆ) มาจับใส่ในหนังโฆษณาเพียงเรื่องเดียว ซึ่งนอกจากจะทำให้ตัวหนังมันสนุกสนานเฮฮาในความตุ้มเป๊ะ แล้วเราก็ยังอยากดูต่อไปเรื่อยๆ จนจบว่ามันจะไปลงเอยที่ตรงไหน กับส่วนผสมที่ไม่เข้ากันตรงหน้านี้

ด้วยพลังจาก real consumer จึงเป็นเหตุผลทำให้งานชิ้นนี้ไวรัลอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ยอดวิวทะลุไปมากกว่า 4 ล้านวิวแล้ว แม้แต่คนดังหลากหลายวงการก็ได้แชร์โฆษณาชิ้นนี้ออกไปด้วย

ความกล้าที่จะเอาไอเดียจริงมาทำโฆษณาจริง ส่วนหนึ่งก็ทำให้เกิดความรู้สึกของ Brand Love ได้ด้วย เมื่อเจ้าของไอเดียภูมิใจที่เห็นว่าไอเดียของพวกเขา ได้ถูกนำมารังสรรค์ใส่บนโฆษณาที่มีคนดูเป็นล้านๆ จริงๆ ไม่ว่าใครก็คงต้องประทับใจกับชิ้นงานโฆษณา รวมไปถึงความรู้สึกชื่นชอบแบรนด์เจ้าของโฆษณานี้อย่างแน่นอน หรือแม้แต่ผู้ชมคนอื่นๆ ก็คงทึ่งที่แบรนด์กล้าที่เอาความเห็นของผู้ชมจริงๆ มาจับใส่ไว้ในโฆษณานี้ด้วย ยิ่งจะเพิ่มพลังการส่งต่อของโฆษณานี้ให้ไวรัลมากยิ่งขึ้น

 

การใช้งาน ‘พรีเซ็นเตอร์’ ในแบบที่ไม่ใช่ พรีเซ็นเตอร์ 

 

อีกประเด็นที่ทำให้งานตัวนี้โดดเด่น ก็คือการถ่ายทอดงานผ่านพรีเซ็นเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร กับการที่จับเอาพระเอกแถวหน้าเบอร์ต้นของเมืองไทย อย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ มานั่งใส่เสื้อขาวในห้องโล่งๆ แถมออกมาสารภาพตรงต่อหน้าคนดูด้วยว่า “ไม่รู้จะทำอะไรให้ดู” (แบบนี้ก็ได้เหรอ?)  ซึ่งแตกต่างจากการทำงานเบื้องหน้าในการเป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์สินค้า ที่โดยทั่วไปคือต้องมาแนะนำสินค้าหรือบอกว่าสินค้านั้นๆ มันดีอย่างไร พร้อมกับเชิญชวนให้ลองใช้ดู เป็นต้น แต่ “เวียร์” ไม่ได้มานั่งเพื่อทำหน้าที่นี้

เพราะสิ่งที่ “เวียร์” ทำในโฆษณาชิ้นนี้มันเป็นมากกว่านั้น มันคือการวางโพสิชั่นให้เวียร์เป็นเหมือนคนที่มาเชื่อมไอเดียต่างๆ ของทุกคนให้มาอยู่ที่งานชิ้นนี้ เปรียบเหมือนการให้ “เวียร์” เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการเปิดใจรับฟังเสียงของผู้บริโภคผ่านชิ้นงานโฆษณาว่าต้องการให้แบรนด์นำเสนออะไรสู่คนดู แบรนด์พร้อมจะรับฟังและลงมือทำให้จริง ซึ่งมุมนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้โฆษณาชิ้นนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญคือ สามารถ grab attention คนดูได้อย่างรวดเร็ว 10 Sec ที่เกิดขึ้น สามารถเรียกความสนใจได้ทันที แถมยังชี้ชวนให้ดูต่อไปจนจบอีกด้วย

 

แม้จะเห็นต่างกัน แต่ “ความอร่อย” รับรู้ได้ไม่ต่างกัน

เรื่องราวของความคิดเห็นที่ต่างกันไปของแต่ละเจเนเรชั่น ซึ่งนำเสนอได้อย่างครีเอทีฟมีความสนุกสนาน เป็นโฆษณาที่ ครื้นเครงตรงสเป็กคนไทยทุกประการ ดูเพลินทำให้คนติดตามดูได้จนจบ จุดนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวหนังบนความยาวเกือบ 8 นาที ทำงานได้อย่างดีทีเดียว แต่หลายคนอาจจะถามว่าแล้วแบรนด์ได้อะไรจากตรงนี้บ้าง?

ก็ต้องบอกว่า ในจุดที่บอกเล่าผ่านการขายของชนิดที่แทบจะตะโกนออกมา แต่เรากลับไม่รู้สึกอึดอัดที่จะรับสารดังกล่าว นั่นก็คือประโยคเด็ดที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของโฆษณาชิ้นนี้ทั้งหมด นั่นคือไลน์คำพูดของ “เวียร์” ที่ระบุว่า “คนเราคิดไม่เหมือนกันมันก็เป็นเรื่องปกติ จะให้รวมทุกเรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วให้ทุกคนมาชอบ มันก็ยากมาก แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้”

ประโยคนี้นอกจากจะเป็นเมสเสจที่ดีในมุมของการที่อยากจะสื่อเรื่องความเห็นต่างของคนในสังคม หรือปัญหาเรื่องของ Generation Gap ในปัจจุบัน ที่ทำให้หลายคนเกิดความไม่เข้าใจกันด้วยความที่เกิดกันต่างยุคต่างสมัย โดยแบรนด์อยากจะสื่อสารในจุดนี้ว่า แม้เราจะต่างความเห็นกันหรือเป็นคนละเจเนเรชั่นกันก็ตามทีแต่ก็สามารถอยู่รวมกันได้ เช่นเดียวกับที่ทุกไอเดียของทุกคนมารวมกันในโฆษณาชิ้นนี้ โดยมีอาหารเป็นเสมือนตัวเชื่อมตรงกลางที่ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้

รวมไปถึงประเด็นการขายของของโฆษณาตัวนี้ก็เช่นกัน เมื่อ “เวียร์” ทิ้งท้ายให้เราคิดต่อว่าแม้คนเราจะคิดเห็นแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เรารับรู้ได้และสัมผัสได้ตรงกันเลย นั่นคือ “ความอร่อย” จากไก่ย่างห้าดาว ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีรสชาติความอร่อยที่เราจดจำได้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็ยังจำได้ไม่ลืม  ไม่ว่าจะเป็น ความเนื้อนุ่มชุ่มเนื้อใน น้ำจิ้มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ สิ่งเหล่านี้ใส่มาในโฆษณาในแบบที่เราคนดูไม่รู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดแต่อย่างใด แต่กลับค่อยๆ ถูกดึงดูดให้เห็นคล้อยตามอย่างค่อยเป็นค่อยไปและนำเข้าสู่ประเด็นของการขายของตรงๆ ที่เราเองก็รู้สึกอินตามเช่นกัน จนเรียกได้ว่าโฆษณาตัวนี้ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์มากทีเดียว

 

 

ขนาดว่าดูตัวโฆษณายังสนุกกันได้ขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่จบ คอนเทนต์ยังไปต่อได้อีก เพราะมีการนำเอาไอเดียต่างๆ ไปปั่นต่อ ไปขยี้ต่อที่เฟซบุ๊ก แนะนำเลยว่าใครอยากหาอะไรอ่านสนุกๆ สุดแสนครีเอทีฟ ให้ลองไปติดตามอ่านได้ที่นี่เลย

ดังนั้น คงไม่ต้องบอกอีกแล้วว่าทำไมโฆษณาตัวนี้ถึงได้รับการตอบรับดีจากผู้ชม รวมไปถึงได้รับคำชมมากมายจากแวดวงโฆษณา ที่สามารถหยิบเอาประเด็นสังคมโดยเฉพาะเรื่องความเห็นต่าง มาสร้างเป็นงานโฆษณาที่ครีเอทีฟได้แบบนี้ ที่สำคัญคือทำให้ออกมาดูสนุกได้อีกต่างหาก ในภาวะที่คนไทยตึงเครียดกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก หรือบนภาวะที่ยังไม่แน่นอนกับเรื่องของโรคระบาด บางสิ่งใกล้ตัวอย่างการดูโฆษณาดีๆ ก็ทำให้เรามีความสุขกับเรื่องเล็กๆ นี้ได้ แถมยังได้แง่คิดดีๆ กลับไปใช้ในชีวิตได้อีกด้วย ขอบคุณ “ไก่ย่างห้าดาว” ที่ทำให้เวลา 8 นาทีของการดูโฆษณารู้สึกอิ่มเอมได้แบบนี้


  • 6.9K
  •  
  •  
  •  
  •