KBank สนับสนุนบ้านเรือนติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) แบบฟรีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ SolarPlus เพื่อผลิตและขายไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมประเดิมนำร่องโครงการที่หมู่บ้านศุภาลัย เล็งเป้าติดตั้งให้ได้ 5 แสนหลังคาเรือนทั่วประเทศภายใน 5 ปี ภายใต้วงเงินสินเชื่อให้แก่นักลงทุน 5 หมื่นล้านบาท คาดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2.3 ล้านตันคาร์บอนฯ เทียบเท่าต่อปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 240 ล้านต้น
ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 100 ปีที่ผ่านมา โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี หลายกิจกรรมของมนุษย์ล้วนก่อให้เกิดมลภาวะที่นำไปสู่ปรากฏการณ์เรือนกระจก จนนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า “ภาวะโลกร้อน (Global Warming)” จนนักวิทยาศาสตร์มีการค้นพบว่า หากยังปล่อยไปโดยไม่มีการแก้ไข โลกจะเข้าสู่จุดที่ไม่สามารถหวนกลับมาได้
ทั่วโลกจึงเริ่มมีมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยลดการปล่อยมลภาวะ เมื่อย้อนกลับมาที่ประเทศไทยการผลิตไฟฟ้าถือเป็นกิจกรรมหลักที่สร้างมลพิษ ยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกผันผวนจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของไทย เห็นได้จากการปรับอัตราค่า Ft ทำให้คนไทยมีแนวโน้มต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น
SolarPlus โครงการชวนคนไทยใช้ไฟฟ้าสะอาด
หนึ่งเทรนด์ของโลกที่ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนแบบไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์เห็นจะเป็นเรื่องของการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่อาจเรียกว่านี่คือยุคการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ หลังจากยุคการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องจักรไอน้ำมาเป็นไฟฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไปทั่วโลกทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่างกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เป็นต้น
ทั้งหมดนั้นคือสัญญาณในการชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากอย่างทราบกันดีว่าการผลิตไฟฟ้าแบบใช้ถ่านหินนั้นก่อให้เกิดมลภาวะ ประกอบกับในปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้การเลือกใช้พลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์เป็นอีกหนึ่งทางออกที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ติดอยู่นิดเดียวตรงที่ต้นทุนการติดตั้งค่อนข้างมีราคาสูง
นั่นจึงทำให้ คุณพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) เล็งเห็นว่า คนไทยมีความสนใจอยากติดตั้ง Solar Rooftop แต่ยังมีความลังเลเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง ระยะเวลาคืนทุนนาน และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา จึงเป็นที่มาของโครงการ SolarPlus ที่เป็นการติดตั้ง Solar Rooftop ให้ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้ 20% ในส่วนของการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ แถมยังสามารถขายไฟฟ้าได้ผ่านรูปแบบ P2P
ดึงพันธมิตรรายใหญ่เข้าร่วมโครงการ
สำหรับโครงการ SolarPlus เป็นโครงการที่ KBank ดึงพันธมิตรรายใหญ่ถึง 4 รายเข้ามาร่วมโครงการประกอบไปด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม สมาร์ชโซลูชั่น จำกัด, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อินโน พาวเวอร์ จำกัด
โดยโครงการ SolarPlus จะนำร่องโครงการในพื้นที่หมู่บ้านศุภาลัย รังสิต คลอง 2 ซึ่ง KBank ให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อแก่ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม สมาร์ช โซลูชั่น จำกัด เพื่อใช้ในการลงทุนติดตั้งและบำรุงดูแลรักษาให้กับบ้านเรือนที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ KBank จะทำหน้าที่รับซื้อไฟฟ้าที่เหลือใช้จากบ้านที่เข้าร่วมโครงการนี้เพื่อนำไปใช้ในเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Carbon Handprint ให้กับองค์กร
ขณะที่ EGAT หรือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะนำแพลตฟอร์มการจำหน่ายไฟฟ้าอย่าง Peer to Peer Energy Trading ที่ผ่านการทดลองใช้งานจริงในโครงการ ERC Sandbox เฟส1 เข้ามาช่วยสร้างมูลค่าการขายไฟฟ้า ส่วน บริษัท อินโน พาวเวอร์ จำกัด จะเป็นผู้บริหารจัดการซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์ม Peer to Peer Energy Trading และช่วยส่งเสริมการผลิตและการใช้ไฟฟ้าผ่านการซื้อขายใบรับรอง Renewable Energy Certification (REC)
ทิศทาง Green Ecosystem ของไทย
สำหรับโครงการ SolarPlus นี้ คุณพิพิธมองว่า ในช่วงแรกของโครงการจะนำร่องเฉพาะในหมู่บ้านศุภาลัยก่อนจะขยายโครงการไปทั่วประเทศ เพื่อมองหาจุดที่ต้องแก้ไขเรียนรู้และปรับปรุง โดยตั้งเป้าหมายติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาในโครงการนี้ไว้ที่ 5 แสนหลังคาเรือนภายใน 5 ปี คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 2.3 ล้านตันคาร์บอนฯ เทียบเท่าต่อปีหรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 240 ล้านต้น
เมื่อมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่า KBank เล็งเห็นถึงสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนออกผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อชวนคนไทยมาร่วม GO GREEN Together ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านสีเขียว สินเชื่อรถ EV หรือสินเชื่อเพื่อให้ธุรกิจกลุ่มโรงงานอุตสากรรมในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน เมื่อรวมเข้ากับโครงการ SolarPlus ที่ติดตั้งโซลาร์รูฟให้กับบ้านที่อยู่อาศัยฟรี เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงรูปแบบการใช้พลังงานสะอาดแบบครบวงจรจากบ้านถึงที่ทำงาน
สิ่งหนึ่งที่คุณพิพิธอธิบายให้เข้าใจ คือ ปัจจุบัน KBank ทำมากกว่าการเป็นแค่ธนาคาร ซึ่งในอนาคตเรื่องสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นเรื่องสำคัญของโลก เห็นได้จากการที่ยุโรปเตรียมใช้กฎหมายว่าด้วยมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism – CBAM) ช่วยให้หลายประเทศในยุโรปสามารถคิดค่าปรับสินค้าที่จะนำเข้ามาในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนสินค้าส่งออกของไทย หากไม่สามารถดำเนินการลดคาร์บอนตามที่กำหนดได้
และหากกฎหมายฉบับดังกล่าวสามารถใช้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ประเทศหรือกลุ่มประเทศที่เป็นลูกค้าของการส่งออกสินค้าไทย อาจจะนำกฎหมายฉบับดังกล่าวไปเป็นมาตรฐานในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อลดภาระด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก
ดังนั้นเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องเข้ามาร่วมมือ (Handprint) ช่วยกันในรูปแบบGreen Ecosystem ทั้งหน่วยนงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือของภาคประชาชนและการสนับสนุนด้านเงินทุนจากสถาบันการเงินอย่าง KBank ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
