Netflix สตรีมมิงออนไลน์ระดับโลกและกำลังฮิตในประเทศไทยอยู่ขณะนี้ เปิดเผยตัวเลขผู้ชมหน้าใหม่ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่ามียอดเพิ่มขึ้นจากเดิม 7.4 ล้านรายหรือ 14% โดยปัจจุบันมียอดสมาชิกถึง 125 ล้านคน ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่ดีแก่นักลงทุนในการกระตุ้นอุตสาหกรรมสตรีมมิง
สำหรับรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2018 พบว่า การเติบโตของสมาชิกทั้งหมด มีคนต่างชาติรับชม Netflix เกินครึ่งหรือสูงถึง 68.29 ล้านคน ส่วนอีก 56.71 ล้านคนเป็นชาวอเมริกา รายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 3.7 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากเดิม 40% โดยมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 137.2 ล้านดอลลาร์
การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากกลยุทธ์การลงทุนให้กับคอนเทนต์ของตนเองอย่าง The Crown และ Stranger ทั้งนี้ด้านนักวิเคราะห์โฆษณาของ Netflix คาดว่าไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ หลังจากปล่อยซีรีส์เรื่องใหม่อย่าง “Altered Carbon” และ “O Mecanismo” จะทำกำไรได้มากว่าที่คาดการณ์ไว้ และในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ค. ที่จะถึงนี้จะมียอคยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6 ล้านราย
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix ได้ประกาศบนเวทีในงาน TED 2018 ที่เมือง Vancouver ปีนี้ เตรียมทุ่มเงินกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ สำหรับผลิตคอนเทนต์ตนเอง อาธิ ซีรีส์ ทีวีภาพยนตร์ สารคดีและโปรแกรมอื่น ๆ ในหลายภาษาเพื่อตอบสนองรสนิยมที่หลากหลายของฐานสมาชิกทั่วโลกที่เติบโตขึ้น
สำหรับรายการที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นรายการแนวเรียลลิตี้อย่าง Queer Eye และ Nailed It ซึ่งมีแผนจะขยายฐานรายการประเภทนี้ขึ้น รวมถึงกลุ่มสารคดีขนาดสั้นและขนาดยาวอีกด้วย แต่ยังคงไม่มีแผนขยายไปสู่รายการข่าว
ผลการสำหรวจจากบริษัทวิจัย 7Park Data เปิดเผยว่า คอนเทนต์ที่กลุ่มตัวอย่างเลือกชม 80% คือซีรี่ส์ที่เคยฉายทางโทรทัศน์มาแล้ว ส่วนอีก 20% เป็นคอนเทนต์ที่ Netflix ผลิตเพื่อฉายบนแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ แต่หลังจากการโปรโมทซีรี่ส์ของตนเองอย่างเรื่อง Stranger Things ส่วนแบ่งผู้ชมที่ดูซีรี่ส์เก่าก็ลดลงมาที่ 63%
“แม้ว่าจำนวนเงิน 8 พันล้านดอลลาร์ของ Netflix สำหรับผลิตคอนเทนต์ต่าง ๆ จะสูงเทียบเท่ากับเงินที่บริษัทระดับ Disney ใช้ในการผลิต แต่สำหรับตนเองถือเป็นจำนวนเงินที่สมเหตุสมผลแล้วในการลงทุนกับคอนเทนต์เพื่อขายไปทั่วโลก และด้วยความที่ตนเองชอบการแข่งขัน จึงหวังว่าอยากจะเอาชนะบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง HBO และ Disney ให้จงได้ ”Reed Hastings กล่าวในงาน TED 2018
อย่างไรก็ตาม Netflix ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นเช่น Amazon และ Disney ซึ่งกำลังพัฒนาวิดีโอออนไลน์ของตัวเอง และการที่ Walt Disney เตรียมหยุดการจัดหาภาพยนตร์ใหม่ให้กับ Netflix ส่งผลให้ทางบริษัทต้องผลิตคอนเทนต์เองเพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะ Netflix ก็เตรียมแผนตั้งรับเรื่องนี้ไว้แล้ว
ส่วนเรื่องที่ Netflix ถอนตัวจากเทศกาลภาพยนตร์คานส์ เพราะว่า ข้อกำหนดของคานส์ได้ห้ามนำภาพยนตร์ลงแพลตฟอร์มภายใน 3 ปีแรก ซึ่งแน่นอนว่า Netflix เลือกผู้ชมจากทั่วโลก
ทั้งนี้ ทีมผู้บริหาร Netflix ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “ไม่ว่าหุ้นของเราจะเติบโตหรือหดตัว ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถผลิตคอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยม ทำแผนการตลาดที่ดีและให้บริการได้อย่างสวยงามหรือเปล่า และถ้าเราทำได้ดีก็จะได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้น เราก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราขี้เกียจหรือช้าเราก็จะวิ่งไปเหมือนคนอื่น”
ขอบคุณข้อมูลจาก variety, wired, axios, cnbc, bbc
ขอบคุณรูปภาพจาก variety, Netflix