ยังคงแรงไม่หยุดไม่หย่อนกับ SABUY ที่เรียกว่าทุกย่างก้าวของ SABUY สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้เป้าหมายการสร้าง ecosystem ด้านการชำระเงิน e-Payment ครอบคลุมทุกธุรกิจที่ในยุคปัจจุบันต้องการระบบ e-Payment ที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงทุกพื้นที่ โดยที่ผ่านมาได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับหลายบริษัทจนก่อให้เกิดเป็นความร่วมมือขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายราย โดยล่าสุด SABUY โชว์ผลงานความสำเร็จที่ผ่านมาและความร่วมมือครั้งสำคัญทีเดียว 6 เรื่องใหญ่
SABUY เปิดผลประกอบการช่วง Q3 และตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ โดยเฉพาะในช่วง Q3 สามารถสร้างการเติบโตสูงถึง 150% ขณะที่อัตราเติบโตรวมทั้ง 9 เดือนอยู่ที่ 137% ส่งผลให้มีรายได้รวมกว่า 675 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร่วม 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 56.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรอยู่ที่ 22.5 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้นกำไรสุทธิของ SABUY ยังขยายตัวกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้มีอัตรากำไรสุทธิ 11% ขณะที่ Q3 ปีที่ผ่านมามีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.3%
นอกจากนี้ SABUY ยังลุยปิด 6 ดีลใหญ่ โดย คุณชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ชี้ว่า SABUY มีรายได้และส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจากธุรกิจตู้เติมเงิน ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ระบบศูนย์อาหาร และจากการถือหุ้นใน บมจ. ทีบีเอสพี (TBSP) และบริษัท เอ ที พี เฟรนส์ จำกัด หรือ ShipSmile รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุน และยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าและบริการชำระเงินต่างๆ ใน ecosystem ส่งผลให้สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา SABUY มีตู้เติมเงิน 57,000 ตู้, ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 5,600 ตู้, ให้บริการในศูนย์อาหาร 231 แห่ง, ให้บริการร้านชิปป์สไมล์ 4,040 สาขา และร้านพลัส เอ็กซ์เพรสอีก 170 แห่ง
โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ SABUY ได้อนุมัติการลงทุน 6 ดีลใหญ่ ทั้งการอนุมัติให้ SABUY เข้าลงทุนในบริษัท แพลท ฟินเซิร์ฟ จำกัด (PFS) ในหุ้นสามัญสัดส่วน 50% จาก บริษัท แคช แมชชีน แคปปิตอล จำกัด (CMC) มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1.13 พันล้านบาท โดยชำระเป็นเงินสดจำนวน 360 ล้านบาท และที่เหลือ 770 ล้านบาท SABUY จะชำระเป็นหุ้น โดย SABUY ออกหุ้นเพิ่มทุน 70 ล้านหุ้น เพื่อขายแบบเฉพาะเจาะจงในราคาหุ้นละ 1 บาท เสนอขายที่ 11 บาทต่อหุ้น
สำหรับ บริษัท แพลท ฟินเซิร์ฟ จำกัด เป็นบริษัทที่ได้สิทธิในการติดตั้งตู้ ATM จำนวน 10,000 ตู้บริเวณหน้าร้าน 7-11 ทั่วประเทศเป็นเวลา 10 ปี และสามารถให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสผ่านตู้ ATM แทนการให้บริการด้วยพนักงาน นอกจากนี้ยังอนุมัติให้กลุ่ม SABUY เข้าซื้อทรัพย์สินธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) จำนวน 4,600 ตู้จาก บจก. ฟอร์ท เวนดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ. ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) เป็นเงินไม่เกิน 340 ล้านบาท ส่งผลให้ SABUY มีตู้สินค้าอัตโนมัติเพิ่มขึ้น
พร้อมทั้งอนุมัติให้ SABUY ร่วมทุนกับ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท (FSMART) ในสัดส่วนการถือหุ้น 50% ด้วยมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายร้านรับส่งพัสดุ ซ่อมแซมตู้จำหน่ายสินค้าและพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต อีกทั้งยังอนุมัติให้ SABUY เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 70% ในบริษัท เดอะ เลตเตอร์ โพสต์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อขยายธุรกิจเครือข่ายร้านรับส่งพัสดุทั่วประเทศ รองรับธุรกิจ e-Commerce & e-Logistics ด้วยมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 42 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มสาขาบริการให้กับกลุ่มได้อีกกว่า 750 สาขา
นอกจากนี้ยังได้อนุมัติให้ SABUY เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 60% ในบริษัท เอ็มพ้อยท์เอ็กซ์เพรส จำกัด ด้วยมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 24 ล้านบาท ทำให้มีสาขาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 800 สาขา และสุดท้ายได้อนุมัติให้ SABUY เพิ่มการลงทุนในบริษัท เอ. ที. พี. เฟรนส์ เซอร์วิส จำกัด (ชิปป์สไมล์) โดย SABUY จะซื้อหุ้นเพิ่มไม่เกิน 10% ด้วยเงินไม่เกิน 37.50 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ทำให้ SABUY เพิ่มการถือหุ้นใน Shipsmile จาก 38% เป็นไม่เกิน 48%
การประกาศ 6 การลงทุน เป็นตัวชี้ให้เห็นความสำเร็จในการขยายกิจการอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของ SABUY โดยก่อนหน้านี้ SABUY ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม TKS ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน ช่วยให้ SABUY และ TKS ร่วมกันต่อยอดธุรกิจด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม ใหม่ๆ โดยเฉพาะด้าน e-Money ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเปิดตัวบริษัทร่วมทุน บริษัท เทโร สบาย จำกัด ที่จะนำความแข็งแกร่งของ Digital Media & Marketing จากกลุ่มเทโรเข้ากับ Technology & Payment Platform ของกลุ่มสบายได้อย่างลงตัว
เรียกว่าไม่ธรรมดาสำหรับบริษัทที่ย่างก้าวสู่การเติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรในรูปแบบ ecosystem เชื่อว่าในอนาคตจะมีการ จับมือกับพันธมิตรอีกหลายกลุ่ม เพื่อสร้าง ecosystem ขนาดใหญ่ในการให้บริการด้าน e-Payment ในขณะที่ธุรกิจธนาคารก็ค่อยๆ ปรับตัวให้มีขนาดเล็กและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย สงคราม e-Payment ครั้งนี้ต้องติดตาม เพราะคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้บริโภคทุกคน
