The Mall Group คิดการใหญ่! เปลี่ยนเมืองไทยไม่ใช่แค่แหล่งช้อปปิ้ง แต่เป็น “Hub of Entertainment” เปิดถึงตี 5

  • 3.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

The Mall Group
The Mall Group (Photo Credit : oadtz / Shutterstock.com)

ตามมหานครใหญ่ของโลกหลายเมือง ในย่านท่องเที่ยวจะมีครบทั้งการใช้ชีวิตภาคเวลาปกติ และชีวิตช่วงเวลากลางคืน ที่เข็มของนาฬิกาในแต่ละค่ำคืน ไม่ได้หยุดลงที่เวลา 22.00 น. หรือ 24.00 น. แต่นักท่องเที่ยว หรือแม้แต่คนท้องถิ่น สามารถท่องราตรียาวนานไปจนตีสาม หรือตีห้าของอีกวัน ทำให้ในย่านนั้นๆ เกิดการหมุนเวียนของผู้คนเกือบตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อกลับมาดูที่กรุงเทพฯ และเมืองไทย จะพบว่าภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศ โปรโมทการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงธรรมชาติ ด้านอาหารการกิน และด้านช้อปปิ้ง แต่การช้อปปิ้ง และ Dining ร้านรวงต่างๆ รวมถึงในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หยุดทุกกิจกรรมการขายในเวลา 21.30 – 22.00 น. ทำให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงคนไทยที่รู้สึกอยากอยู่ต่อ ต้องทยอยกลับบ้าน กลับโรงแรม หรือบางส่วนไปเที่ยวตามผับบาร์ต่อจนถึงตีสอง ส่วนย่านช้อปปิ้ง และร้านค้าต่างๆ จะกลับมาคึกคักอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง 1 ใน 2 Major Player ของธุรกิจค้าปลีก และพัฒนาที่ดินในเมืองไทยอย่าง “The Mall Group” มองว่า อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตมากขึ้น คือ การทำให้เมืองไทยเป็น “Hub of Entertainment” หรือ “ศูนย์กลางความบันเทิง” ที่คุณภาพ-มาตรฐานระดับ World-class และมีช่วงเวลาการเปิดยาวนานไปจนถึงตี 5 เพื่อตอบโจทย์ “Night Life” เหมือนเช่นในบางประเทศที่ร้านต่างๆ เปิดให้บริการถึงตีสาม ตีห้า

เพราะเมืองไทยยังขาด “Entertainment ภาคกลางคืน” ซึ่งคำว่า Entertainment ในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึงผับบาร์ตามสถานที่ต่างๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่เป็นความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบ เช่น การแสดงดนตรี, การแสดงศิลปะแขนงต่างๆ ฯลฯ และเมื่อมี Entertainment จะตามมาด้วยภาคบริการ เช่น ร้าน Dining Restaurant และร้านค้าต่างๆ ซึ่งจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อเข้าประเทศ เกิดการใช้จ่ายสูงขึ้น และพักอาศัยในไทยนานขึ้น

The Mall Korat

 

“Hub of Entertainment” ความฝันแม่ทัพใหญ่ The Mall Group “ศุภลักษณ์ อัมพุช” อยากทำให้เกิดขึ้นจริง!

 

ภายใต้ Roadmap ยุทธศาสตร์ 5 ปีของ “The Mall Group” หนึ่งในแผนของการสร้าง “The EM District” ในย่านสุขุมวิท ซึ่งประกอบด้วยกัน 3 โครงการคือ Emporium, Emquartier และโครงการ EMSPHER ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จปี 2565 และจากเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังเชื่อมต่อกับโครงการ “Bangkok Mall” ที่ตั้งอยู่จุดตัดระหว่างถนนบางนา-ตราด กับสุขุมวิท คาดว่าจะสร้างเสร็จปี 2565 เช่นกัน

“คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป” มองว่า “ย่านสุขุมวิท” สามารถพัฒนาให้เป็น “Hub of Entertainment” และเป็น “Fashion Lifestyle and Art District” ของกรุงเทพฯ และเมืองไทย ไม่ได้เป็นเพียงแค่ย่านช้อปปิ้ง และย่านธุรกิจการค้าอย่างเดียว เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยด้วยกันเอง มา “ใช้ชีวิต” ในรูปแบบของการท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงในช่วงเวลากลางคืน

“การสร้าง Hub of Entertainment ไม่ใช่ทุกทำเลสามารถทำได้ หลายทำเลทำไม่ได้ เช่น ย่านสยามสแควร์ พื้นที่เต็มแล้ว แต่สำหรับ “ย่านสุขุมวิท” สามารถทำได้ เพราะเป็นย่านที่มีที่อยู่อาศัยมีกำลังซื้อ และมี Expat อาศัยอยู่มากสุด ซึ่งคนกลุ่มนี้ใช้จ่ายสูง ขณะเดียวกันเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยว และอยู่บนโลเกชันใกล้ทองหล่อ และเอกมัย ซึ่งที่ผ่านมาเมืองไทยไม่มี Hub of Entertainment”

The Mall Group_Supaluck Umpujh
คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด

ที่สำคัญ The Mall Group ยังมองอีกว่าการเป็น “Hub of Entertainment” ถึงจะมีเทคโนโลยีเข้ามาอย่างไร ในที่สุดแล้ว จะไม่เกิด Technology Disruption เหมือนอย่างหลายอุตสาหกรรมธุรกิจกำลังเจออย่างแน่นอน

นั่นเพราะ “ความบันเทิง” เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ผู้บริโภคต้องการมาสัมผัสเองกับตัว มากกว่าผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งก็จะทำให้ โครงการ หรือย่านที่เป็น Hub of Entertainment ยังคงมีจิตวิญญาณ มีชีวิตชีวา มีสีสัน ประกอบกับจะเป็น Attraction ที่ทำให้คนเข้ามาอยู่ในย่านนั้นๆ เพื่อทำให้ย่านนั้นเป็นมากกว่าสถานที่ช้อปปิ้ง

“ในยุคการแข่งขันที่ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขณะเดียวกันปัจจุบันธุรกิจ Retail มีความท้าทายมากขึ้นจากเดิม เพราะการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ทำให้ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำจะต้องก้าวไปมากกว่าการเป็น Shopping Center ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเคยทำมาตลอด เพราะถ้าทำแค่ Shopping Center อย่าไปเสียเวลาทำเลย ทุกวันนี้เมืองไทยเกิดศูนย์การค้ามากมาย

แต่สิ่งที่เราจะทำ คือ เปลี่ยนเมืองไทยให้เป็น “Hub of Entertainment” เพราะ entertainment ไม่ถูก disrupt ด้วยเทคโนโลยี และคนที่มาท่องเที่ยวแบบ Entertainment ใช้จ่ายสูงกว่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่ทุกวันนี้ทรัพยากรทางธรรมชาติในประเทศไทย ถูกใช้ไปมากแล้ว

The EM Quartier

แต่เมื่อพูดถึง Entertainment ภาคกลางคืน คนมักจะนึกถึงซอยนานา ซอยคาวบอย ถนนข้าวสาร แต่สำหรับเราต้องการ Repositioning การท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงของไทย ให้เป็นตลาด Entertainment ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานระดับโลก มีศิลปินชั้นนำของไทย และต่างประเทศมาเปิดการแสดงที่เมืองไทย ทั้งศิลปินจากตะวันตก ศิลปินไทย ศิลปิน J-Pop, K-Pop

และเป็นศูนย์กลางความบันเทิงที่เปิดให้บริการไปจนถึงตี 5 เพราะโดยพฤติกรรมของชาวต่างชาติ จะเริ่มเที่ยวหลัง 4 – 5 ทุ่มไปแล้ว แต่ที่ผ่านมาปรากฏว่าพอเริ่มเที่ยว ร้านต่างๆ ก็ปิดร้านแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Entertainment ภาคกลางคืนของบางประเทศ เช่น บาหลี เวียดนาม ดูไบ เปิดให้บริการดึกกว่าไทย โดยบางประเทศยาวไปจนถึงตีห้า เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศตัดสินใจไปเที่ยวประเทศนั้นๆ”

The Mall Group มองว่า ยิ่งช่วงเวลา “ธุรกิจบันเทิง ภาคกลางคืน” เปิดได้ยาวนานขึ้น นั่นเท่ากับสร้าง “โอกาสการขาย” ให้กับร้านค้าในโครงการนั้นๆ และร้านค้าโดยรอบด้วยเช่นกัน เหมือนเช่นธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ที่สามารถทำรายได้จากการขายภาคกลางคืนได้ไม่น้อย และยังทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น

จิ๊กซอว์ที่จะต่อภาพให้ “The Mall Group” เป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง Hub of Entertainment เมืองไทย คือ การผนึกกำลังกับ “บริษัท เออีจี (เอเชีย) จำกัด” หรือ AEG ผู้ประกอบการธุรกิจบันเทิงและกีฬารายใหญ่ของโลก ร่วมกันสร้าง “EM LIVE” ที่โครงการ ThE EMSPHERE ความจุ 6,000 ที่นั่ง และ “Bangkok Arena” ที่โครงการ Bangkok Mall ความจุ 16,000 ที่นั่ง ทั้งสองแห่ง เป็นศูนย์กลางความบันเทิง มาตรฐานระดับโลก ที่จัดการแสดง Live performance ดนตรี กีฬา ศิลปวัฒนธรรม การประชุมระดับนานาชาติ และงานอีเวนต์ระดับโลก

The Mall Group_Hub of Entertainment
The Mall Group จับมือกับ AEG เตรียมสร้าง “EM LIVE” อยู่ในโครงการ ThE EMSPHERE ความจุ 6,000 ที่นั่ง
The Mall Group_Hub of Entertainment
“Bangkok Arena” ที่โครงการ Bangkok Mall ความจุ 16,000 ที่นั่ง

 

งบลงทุน 5 ปี 80,000 ล้าน เดินหน้าโปรเจคใหม่ – ปรับปรุงโครงการเก่า และมั่นใจรายได้แตะ 1 แสนล้าน!!

 

ทิศทางการลงทุนของ “The Mall Group” ช่วงปี 2562 – 2566 วางงบลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท โดยงบก้อนนี้จะถูกนำไปใช้กับโครงการ Mega Project และปรับปรุงโฉมใหม่ของเดอะมอลล์ทุกสาขา ดังนี้

“Bangkok Mall” งบลงทุน 50,000 ล้านบาท โครงการระดับ Flagship Project ที่วางแผนพัฒนาในรูปแบบ “Mixed-use Complex” บนเนื้อที่ 100 ไร่ รวมพื้นที่โครงการกว่า 1,200,000 ตารางเมตร สร้างเป็นอาณาจักรศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และออฟฟิศบิวดิ้งแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “City within the City”

“ทำเล Bangkok Mall เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอุดมสุข และบางนา และในอนาคตจะมีไลท์เรล จากสี่แยกบางนา ถึงสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่มาจากสนามบินสุวรรณภูมิ จะต้องผ่าน Bangkok Mall และผ่านเข้าย่านสุขุมวิท จะเจอกับโครงการ EM District ที่มีศูนย์การค้า 3 โครงการ และต่อไปย่านบางนา จะเติบโตเป็นเมือง”

“The EMSPHERE” งบลงทุน 10,000 ล้านบาท เป็น 1 ใน 3 โครงการของ The EM District มีพื้นที่โครงการกว่า 200,000 ตารางเมตร และเมื่อเสร็จจะทำให้ The EM District ครบวงจรของการเป็นย่านธุรกิจ การค้า แฟชั่น ลักซ์ชัวรี่ เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ลิฟวิ่ง และไดนิ่งจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 1,000 แบรนด์

ขณะที่อีก 20,000 ล้านบาท นำไปใช้พลิกโฉม “เดอะมอลล์” สาขาต่างๆ ได้แก่

“เดอะมอลล์ รามคำแหง” งบลงทุน 10,000 ล้านบาท พัฒนาให้เป็น “Mixed-use Complex” บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 230,000 ตารางเมตร คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2564

The Mall_Bangkhae-Bangkapi
เดอะมอลล์ บางกะปิ

“เดอะมอลล์ ท่าพระ – เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน – เดอะมอลล์ บางแค – เดอะมอลล์ บางกะปิ” งบลงทุนอีก 10,000 ล้านบาท พลิกโฉมภายใต้แนวคิด “THE MALL LIFESTORE, A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE”

“ศูนย์การค้าในเครือ The Mall Group ทำสัญญากับร้านค้าในรูปแบบเซ้งทั้งหมด ทำให้ที่ผ่านมารายได้ของบริษัทมาจากส่วนห้างสรรพสินค้า ที่ให้ร้านค้าเซ้งพื้นที่ เพราะฉะนั้นใครจะ complain ว่าศูนย์การค้าในเครือ The Mall Group ดูเก่า

แต่ภายในปีนี้ สัญญาเซ้งของร้านค้าต่างๆ จะหมด เราจะเปลี่ยนโฉมโครงการต่างๆ และปรับโมเดลการทำรายได้หลัก มาจากค่าเช่าพื้นที่ของแบรนด์ต่างๆ เปิดช้อปในพื้นที่ศูนย์การค้าในเครือ เพราะฉะนั้นเราตั้งเป้าอีก 5 ปีข้างหน้า รายได้ของ The Mall Group จะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท (ปัจจุบันทำรายได้กว่า 50,000 ล้านบาท) และงบลงทุน 5 – 6 ปีข้างหน้านับจากปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท”

The Mall_Ngamwongwan
เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

 

ลงทุนระบบ IT และ Big Data ปรับตัวเข้าสู่ยุค O2O

 

การทำธุรกิจค้าปลีกยุคนี้ ต้องมีความเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้าที่ซับซ้อนขึ้น ดังนั้นการวางกลยุทธ์การตลาดจึงจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ต้องมี Big Data ที่ถูกต้องและแม่นยำ ที่สำคัญต้องเข้าถึงและสื่อสารกับลูกค้าผ่านทุกช่องทางทั้งออนไลน์ และออฟไลน์

The Mall Group ได้ลงทุนระบบ IT พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์โดยการนำการค้าการขายแบบออฟไลน์ มาหลอมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกับการค้าการขายแบบออนไลน์ ในรูปแบบที่ไร้รอยต่อ Seamless โดยมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งด้านความสะดวกสบายในการจับจ่ายสินค้า และมีสินค้าจริงให้ได้สัมผัส ทดลอง เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

 

จัดกระบวนทัพ “ขุนพลใหม่” เป็นคนในวงการค้าปลีกไทย-เทศ เสริมทัพ พร้อมบริหารแบบ Decentralize

 

จากเป้าหมายข้างต้น จะเป็นจริงได้ ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งองคาพยพ เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ “The Mall Group” ต้องจัดกระบวนทัพใหม่ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้บริหารระดับสูงในวงการค้าปลีกไทย และต่างประเทศมาเสริมทัพ

ปัจจุบันโครงสร้างการบริหาร ประกอบด้วย

The Mall Group Management Team
ขุนพล The Mall Group

คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร The Mall Group

คุณเกรียงศํกดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป จำกัด

มร. โรเบิร์ต เจมส์ ซิสเซล CEO, Retail Group of The Mall Group
– คุณจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล Chief Business Officer – Specialty Business
– มร.เธียร์รี่ เพรโว Chief Business Officer – Department Store of The Mall Group
– คุณเจนนิเฟอร์ ฟอลล์ Vice President, Merchandising of The Mall Group
– มร.ลุค ชาริเออร์ Vice President, Merchandising Specialty Retail of The Mall Group

คุณวรลักษณ์ ตุลาภรณ์ Chief Marketing Officer at The Mall Group

คุณอัญชลี พัฒนอนันต์สุข Chief Leasing & Property Management Officer at The Mall Group

คุณกัญญารัตน์ โชคอุ่นกิจ Chief of Business Development Officer at The Mall Group

คุณวิลเลียม ฤทธิเรือง Chief Human Resources Officer of The Mall Group

ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ Chief Strategy Officer of The Mall Group

มร.สก็อตต์ คาเมรอน Chief Information Officer of The Mall Group

คุณชัยรัตน์ เพชรดากูล ผู้อำนวยการใหญ่ Supermarket & Food Development of The Mall Group

The Mall Group_Team

“The Mall Group ให้ความสำคัญกับการสร้างทีม ไปพร้อมกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถ เพื่อเติบโตไปพร้อมกับองค์กร เพราะเราเชื่อมั่นว่าทีมที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพจะเป็นรากฐานของความสำเร็จ ดังนั้นการเสริมทัพองค์กรครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกในอนาคต และการเติบโตในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน

โดยขุนพลใหม่ที่เป็นชาวต่างประเทศ เริ่มเข้ามาร่วมงานกับ The Mall Group ได้ 2 ปีแล้ว ทำงานร่วมกับผู้บริหารไทย เพราะเราต้องการให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยมืออาชีพ และปัจจุบันเราใช้วิธีการบริหารแบบ Decentralize เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็น Ownership” 


  • 3.2K
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ
CLOSE
CLOSE