เป็นที่ทราบกันดีว่าโลกธุรกิจในปัจจุบันนี้ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า” มาเป็นอันดับแรก เรื่องนี้เป็นเทรนด์ในปี 2023 รวมไปถึงจะยังสำคัญในอีกหลายปีข้างหน้าด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทยหันมายกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยเฉพาะบริการ Mobile Banking ผ่านแอป ttb touch มาอย่างต่อเนื่องให้ทุกๆ ทัชสามารถเปลี่ยนชีวิตคนให้ได้ จึงสร้างแอปที่ช่วยเก็บรายละเอียดเล็กๆ ทางการเงินต่างๆ แทนคนมีบ้าน คนมีรถ และมนุษย์เงืนเดือน เพื่อให้พวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เปรียบเสมือนมีเลขาฯ คอยช่วยเหลือ และล่าสุด ทีทีบี ก็เพิ่งยกระดับบริการไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มบริการ My Car ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้นช่วยขจัด Pain Point ของคนใช้รถในยุคนี้จนเรียกได้ว่า “จัดการทุกอย่างเกี่ยวกับรถได้บนรถ ในทัชเดียว”
เทรนด์การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้านั้นเป็นเทรนด์การตลาดระดับโลก โดยผลสำรวจจาก PricewaterhouseCoopers (PwC) ล่าสุดพบว่า ลูกค้ามากกว่า 86% ยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่บริษัทที่ร่วมทำสำรวจเกือบ 2,000 บริษัทต่างเห็นตรงกันว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำในอีก 5 ปีข้างหน้าก็คือ “การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า” นั่นเอง
นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบด้วยว่าบริษัทใหญ่ๆที่มีแนวทางการบริหารงานโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากถึง 84% ในเวลานี้กำลังเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านอุปกรณ์มือถือ เทรนด์ดังกล่าวสอดคล้องกับแผนธุรกิจของ ทีทีบี ธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทยที่ยกระดับบริการ Mobile Banking ผ่านแอป ttb touch มาอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด Humanized Digital Banking ดิจิทัลที่เป็นมิตร รู้จักและรู้ใจลูกค้า และหนึ่งในนั้นก็คือบริการ My Car ที่จะเข้ามาเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถด้วย Car Ecosystem ที่ครบจบในที่เดียว
สำหรับคนใช้รถแล้วคงจะทราบกันดีว่าบริการหลายๆ อย่างที่จำเป็น จะต้องทำในหลายๆ แอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น การเติมเงินหรือเช็คยอดเงิน Easy Pass การเช็คราคาน้ำมันประจำวัน การต่อประกันรถยนต์ การจ่ายบิลสินเชื่อรถยนต์รวมไปถึงการขายรถ แต่ปัจจุบัน Pain Point ทั้งหมดนี้สามารถแก้ได้แล้วผ่านบริการ My Car เพียงแค่เป็นลูกค้าของทีทีบี อย่างน้อย 1 ผลิตภัณฑ์ โดยลูกค้าทีทีบี จะสามารถทำธุรกรรมต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ของเราผ่านบริการ My Car ได้อย่างง่ายดาย โดยหนึ่งในบริการที่ดีมากๆก็คือการสามารถเพิ่มบัตร Easy Pass ลงไปในแอปฯ ที่จะช่วยให้เราสามารถเช็คยอดเงินรวมถึงเติมเงินผ่านแอปฯ ได้โดยตรง ซึ่ง ttb touch นับเป็นแอปฯ ธนาคารแรกของไทยที่มีบริการนี้
นอกจากธุรกรรมต่างๆ ที่สามารถทำได้ง่ายๆผ่าน My Car อย่างเช่นการจ่ายบิลสินเชื่อรถยนต์ การซื้อหรือต่อประกันภัยรถยนต์ การเช็คราคาน้ำมันแบบเรียลไทม์ รวมถึงชำระค่าปรับจราจร My Car ยังสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องได้ด้วยบริการแลกรถเป็นเงินผ่านสินเชื่อ และยังทำได้แม้กระทั่งการ “ขายรถ” ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประมูลผ่านลานประมูล หรือเปิดประมูลออนไลน์บนเว็บไซต์ โดยบริการขายรถผ่าน My Car มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำได้ด้วยตัวเอง มีผู้เข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมากทำให้เพิ่มโอกาสที่จะขายรถได้เร็วยิ่งขึ้น และยังมีความยืดหยุ่นสามารถยกเลิกได้ง่ายหากเปลี่ยนใจก่อนวันประมูล และหากขายรถไม่ได้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอีกด้วย
บริการเหล่านี้คือคำจำกัดความของบริการที่ทำให้คุณ “จัดการทุกเรื่องรถได้ในทัชเดียว” จบในแอปฯเดียวอย่างแท้จริง ยังไม่นับรวมถึงโปรโมชั่นอีกมากมายที่ ทีเอ็มบีธนชาต จะมอบให้ผู้ใช้ My Car เป็นพิเศษด้วยไม่ว่าจะเป็นของสมนาคุณต่างๆจากการจ่ายบิลสินเชื่อรถยนต์ หรือ สิทธิประโยชน์พิเศษจากการเติมน้ำมันเป็นต้น
นั่นเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของทีทีบี ที่จะยกระดับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า มอบประสบการณ์แบบ Personalization ที่กำลังเป็นเทรนด์ทางการตลาดในระดับโลก พร้อมๆไปกับเทรนด์การเดินทางด้วยรถยนต์และตลาดรถยนต์ที่คึกคักมากขึ้นหลังการผ่อนคลายการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลยุทธ์เหล่านี้นอกจากจะช่วยให้ ทีทีบี สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าเอาไว้ได้แล้ว ยังเป็นการดึงผู้ใช้รถยนต์ที่ต้องเผชิญกับ Pain Point ต่างๆให้เข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ในแอปฯ ttb touch ได้ด้วย
ดังนั้นสำหรับใครที่มีรถยนต์และอยากรู้ว่าบริการ My Car ในแอป ttb touch จะช่วยแก้ Pain Point ต่างๆในแบบที่เรียกว่า “จัดการได้…ในทัชเดียว” ได้อย่างไรก็สามารถเข้าดาวน์โหลดมาลองใช้พร้อมกับดูวิธีการใช้งานได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/ttb-touch/mycar