หลังจากมีข่าว “Google” ระงับการทำธุรกิจ(บางส่วน)กับ “Huawei” ได้เพียงไม่นาน (สถานการณ์ล่าสุด Huawei แถลงการณ์ยืนยันความสัมพันธ์กับ Google ยังเป็นไปด้วยดี) ขณะเดียวกัน “Bloomberg” รายงานว่าบริษัทเทคโนโลยี Software รายใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น Intel Corp., Qualcomm Inc., Xilinx Inc. และ Broadcom Inc. รวมทั้ง Infineon Technologies AG ของเยอรมนี เริ่มทยอยออกมายุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจ(ชั่วคราว) กับ “Huawei”
โดยผู้ผลิตชิปรายใหญ่ Intel Corp., Qualcomm Inc., Xilinx Inc. และ Broadcom Inc.ได้แจ้งต่อพนักงานว่า จะยังไม่มีการซัพพลายสินค้าให้กับ Huawei จนกว่าจะมีประกาศแจ้งให้ทราบต่อไป
ขณะเดียวกัน “Nikkei Asian Review” รายงานว่า “Infineon” ผู้ผลิตชิปจากเยอรมนี ได้ระงับการจัดส่งสินค้าให้กับ Huawei ซึ่งเป็นนโยบายด่วนของบริษัทที่เกิดขึ้นทันที หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เริ่มชื่อ “Huawei” เป็นหนึ่งในบัญชีดำทางการค้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม Infineon จะมีการประชุมภายในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์
“เหริน เจิ้งเฟย” ผู้ก่อตั้ง Huawei เผย “ได้เตรียมการพร้อมแล้ว” ตั้งเป้าพึ่งพาตัวเองดีสุด !!
ก่อนที่บรรดา Tech Company รายใหญ่จะออกมาแบน “Huawei” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “มร.เหริน เจิ้งเฟย” (Ren Zhengfei) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Huawei เปิดใจกรณี Trade War ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ “Huawei” ว่า “เราไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย”
นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้ง Huawei ยังบอกอีกว่า ยังคงเดินหน้าพัฒนาชิปของตัวเอง เพื่อลดผลกระทบจากการห้ามทำการค้าระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ในองค์กร “Huawei” มีการจัดตั้ง “HiSilicon” เป็นหน่วยงานพัฒนาเทคโนโลยี และชิปที่เป็นสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือ Chipset “Kirin” ถูกนำมาใช้กับสมาร์ทโฟน Huawei ในกลุ่มพรีเมียม เช่น ตระกูล Mate, P Series ในขณะที่ Chipset ของ Qualcomm คือ “Snapdragon” จะติดตั้งอยู่ในสมาร์ทโฟน Huawei ในระดับกลางลงมา และใช้สำหรับ Matebook บางรุ่น
“เราได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว…” มร.เหริน เจิ้งเฟย กล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเปิดใจว่า สงครามทางการค้าครั้งนี้ คาดว่าส่งผลกระทบต่อการเติบโตด้านยอดขายที่ชะลอตัวลง แต่มั่นใจว่าเพียงเล็กน้อย โดยคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้ จะมีการเติบโต 20%
ก่อนหน้านี้ Reuters รายงานว่า He Tingbo แม่ทัพของหน่วยงาน HiSilicon ได้ส่งจดหมายภายในถึงพนักงานในองค์กร โดยความตอนหนึ่งระบุว่า Huawei ตั้งเป้าจะ “พึ่งพาตัวเอง” ทางด้านเทคโนโลยี
ผู้ก่อตั้ง Huawei ยังได้ทิ้งท้ายถึงเหตุการณ์นี้ว่า “นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯ สูญเสียความน่าเชื่อถือ ขณะที่เราจะไม่เปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการของบริษัทตามที่สหรัฐสั่งการ และไม่ยอมให้เข้ามาตรวจสอบ เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับ ZTE”
Source : Bloomberg
Source : Nikkei Asian Review
Source : Reuters
Source : Reuters, Nikkei Asian Review