เวลานี้ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจไหน หากไม่ปรับตัวก็ไปไม่รอด เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนทุกวัน และแบรนด์แข่งก็ปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ล่าสุด “แลนดี้ โฮม” ผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านที่ดำเนินธุรกิจมาครบ 30 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ลุกขึ้นมาปรับโฉมภาพลักษณ์ให้สดใส และทันสมัยมากขึ้น ผ่าน 3 มุมมองการบริหารงานจากผู้บริหารรุ่นใหม่ของบริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) ที่พร้อมสู้กับความท้าทายของธุรกิจรับสร้างบ้าน
เมื่อพูดถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในไทย การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และราคาวัสดุก่อสร้าง เป็น 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 5% มีการคาดการณ์ว่าในครึ่งปีแรกของปีนี้ ราคาบ้านจะปรับขึ้นประมาณ 3% ความท้าทายของผู้ประกอบการในเวลานี้จึงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการต้นทุน ทำอย่างไรให้บ้านมีคุณภาพดีเหมือนเดิม และลดเวลาในการก่อสร้าง
โดย 3 กลยุทธ์ที่แลนดี้ โฮม นำมาใช้ในปีนี้ ได้แก่
1. รวดเร็ว ฉับไวในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางออนไลน์สำหรับติดต่อกับลูกค้า ทั้งนี้ หนึ่งในขั้นตอนที่ทำให้ล่าช้าคือ การตรวจระหว่างก่อสร้าง หลังจากนำออนไลน์มาใช้คาดว่าจะช่วยลดเวลาในการก่อสร้างได้ จากเดิมที่ใช้เวลา 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง อาจลดเหลือ 6-8 เดือน
คุณพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการสร้างและบริหารสำนักงาน กล่าวว่า ในส่วนงานวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรายงานผล มีระบบ Workflow รายงานขึ้นตอนการก่อสร้างแบบเรียลไทม์ ผ่านระบบการจัดเก็บ Cloud Integrated Service ตลอดจนการพัฒนาระบบอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพ
2. ใช้ระบบฐานข้อมูล CRM เพื่อจัดเก็บข้อมูลลูกค้าให้เป็นระบบ เชื่อมโยงทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน วิเคราะห์และศึกษาความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า และนำมาต่อยอดเป็นบริการที่ดี
3. ศึกษา Customer Journey ทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจในทุก Touch Point นอกจากนี้ แลนดี้ โฮม ยังได้เปิดตัวยูนิฟอร์มพนักงานใหม่ ที่ออกแบบโดย คุณป้อ สารชา เจ้าของแบรนด์ S Signature เน้นความโมเดิร์น และน่าเชื่อถือ มีด้วยกัน 3 ดีไซน์
ในปีที่ผ่านมา แลนดี้ โฮม มียอดขาย 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ถึง 25% โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 80% และต่างจังหวัด 20%
เมื่อแบ่งตามสัดส่วนราคาบ้าน ยอดขาย 30% มาจากบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท, 30% บ้านราคา 5-8 ล้านบาท, 5% บ้านราคา 8-10 ล้านบาท และ 35% บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป จากตัวเลขจะเห็นว่ากลุ่มที่มีสัดส่วนมากที่สุดคือ กลุ่มที่สร้างบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและต้องการบ้านระดับลักชัวรี่
สำหรับแผนการตลาด คุณภัทรา มณีนัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และออกแบบผลิตภัณฑ์ เผยว่า ปีนี้แลนดี้ โฮม ได้เปิดตัวแบบบ้านเพิ่มอีก 9 แบบ ในจำนวนนี้เป็นบ้านระดับลักชัวรี่ 2 แบบ เน้นความคุ้มค่า ดีไซน์สง่างาม โอ่โถง ในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ Botanica สไตล์โมเดิร์นแต่แฝงด้วยความคลาสิค 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และจอดรถได้ 4 คัน และ TAO บ้านที่มีแรงบันดาลใจจากเต่ามังกรมงคล เหมาะสมตามศาสตร์ฮวงจุ้ย พื้นที่ 1,198.25 ตร.ม 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ และ 4 ที่จอดรถ
และนอกจากนี้ยังมีแบบบ้าน Victoria, Kensington, Hyde Park และ Madeleine ที่พัฒนารูปแบบและฟังก์ชั่นการใช้งานให้สามารถตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้าในยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น
Landy Elder Care รองรับผู้สูงอายุ
ปัจจุบันในบ้านหนึ่งหลังจะประกอบไปด้วยผู้อยู่อาศัย 3 Generation ดังนั้น การสร้างบ้านในตอนนี้ต้องรองรับผู้สูงอายุด้วย แลนดี้ โฮม มีนวัตกรรมบ้านสำหรับผู้สูงอายุ Landy Elder Care โดยนำมาใช้ในบ้านทุกหลังที่สร้าง อาทิ สร้างห้องนอนชั้นล่าง มีราวจับตลอดทางเดิน ลดพื้นที่ต่างระดับ มีพื้นที่กว้างพอสำหรับรถเข็น ออกแบบแสงให้เหมาะสม มีผนังกันเสียงในห้องนอนชั้นล่าง และมีห้องน้ำที่รองรับผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้ และแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เดินหน้าสู่เป้าหมายยอดขาย 1,500 ล้านบาท
คุณพรรัตน์ มณีรัตระพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) กล่าวว่า ด้วยกลยุทธ์ที่กล่าวมานี้ แลนดี้ โฮม ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาการออกแบบและฟังก์ชั่นของบ้านให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 30 ปี บริษัทฯ ได้อัดโปรโมชั่นเด็ด รับส่วนลดสร้างบ้านสูงสุด 30% จองสร้างบ้านในปีนี้ รับฟรีคูปองชิงรางวัล ลุ้นiPhone X จำนวน 10 รางวัล มูลค่ารวม 410,000 บาท ทุกเดือน ตลอดจนลุ้นรางวัลใหญ่ รถยนต์ Toyota Yarisจำนวน 1 รางวัล มูลค่า 559,000 บาทพร้อมข้อเสนอพิเศษอื่นๆ