หลังจากบริษัทบุญรอดเทรดดิ้งฯ จับมือกับ บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน DRINK ENTERPRISE เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่มร่วมกัน ที่เราได้เห็นข่าวคราวตั้งแต่เมื่อกลายปี 2565 ที่ผ่านมา หลักจาเกิดกลยุทธ์การตลาดผ่านหน้าร้าน 7-Eleven ด้วย “นกแก้วปริศนา” จำนวนมากเกาะที่หน้าร้าน 7-Eleven หลายสาขาจนกลายเป็นไวรัลสร้างความสงสัยให้ชาวเน็ตไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดทุกอย่างก็เฉลยออกมาแล้วสำหรับ “บุญรอดฯ” และ “โออาร์” ที่เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ RTD (Ready To Drink)ใหม่ที่จะวางตลาดนั่นก็คือ “กาแฟพร้อมดื่มอเมซอน” แบบขวดและ “ฮารุ Cold Brew Green Tea” ภายใต้บริษัท DRINK ENTERPRISE แล้วในวันนี้ที่เรียกว่าเป็นความร่วมมือที่จะเขย่าตลาดกาแฟพร้อดื่มแบบ RTD รวมไปถึงตลาดชาเขียวพรีเมียมในประเทศไทยไปพร้อมๆกัน พร้อมกับตั้งเป้าสร้างยอดขายในช่วง 9 เดือนหลังของปีนี้เอาไว้ที่ 1,000 ล้านบาท
สำหรับเครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่มแบรนด์ “อเมซอน” จะเป็นรูปแบบขวด PET ขนาด 200 มล. ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากกาแฟพรีเมียม และกระบวนการ Perfect Shot 27 วินาที มี 3 รสชาติด้วยกันคือ
- อเมซอน ลาเต้ ราคา 35 บาท
- อเมซอน เอสเปรสโซ ราคา 35 บาท
- อเมซอน แบล็ค ราคา 29 บาท
ส่วนของเครื่องดื่ม “ฮารุ Cold Brew Green Tea” เป็นชาเขียวเกรดพรีเมียมจากไร่ชา 1 ใน 3 แห่งของโลกที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น นำมาผลิตด้วยกระบวนการ Cold Brew ที่ใช้เวลานานกว่าวิธีปกติ 1 เท่าตัวทำให้ได้รสชาติที่นุ่มละมุน ในสไตล์ Modern Japanese โดยจะมาในขวดขนาด 440 มล. มี 2 รสชาติ คือ
- ฮารุ Cold Brew Green Tea Natural (สูตรปราศจากน้ำตาล) ราคา 30 บาท
- ฮารุ Cold Brew Green Tea Mild Sweet (สูตรหวานน้อย) ราคา 30 บาท
โดยทั้งบุญรอดและโออาร์ ตั้งเป้าผลิตกาแฟพร้อมดื่มที่ 8 ล้านขวด ขณะที่กาแฟฮารุ ตั้งเป้าผลิตที่ 10 ล้านขวดในปีนี้ ขณะที่จุดเริ่มต้นขอการร่วมทุนกันในครั้งนี้เนื่องจากทั้งสองบริษัทต่างมองเห็นโอกาสจากการนำจุดแข็งของแต่ละบริษัทมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน ระหว่างจุดแข็งด้านกาแฟของโออาร์ และความเชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและการกระจายสินค้าของ บุญรอดฯ
คุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บุญรอดฯ มีประสบการณ์และความชำนาญในการทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยาวนานก้าวสู่ปีที่ 90 ไม่เคยหยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพตอบสนองผู้บริโภค โดยบริษัทบุญรอดฯ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพที่ครองใจผู้บริโภคอันดับ 1 หลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มสิงห์, น้ำแร่เพอร์ร่า, โซดาสิงห์, สิงห์ เลมอน โซดา ฯลฯ และในปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า ด้วยการร่วมมือกับ ปตท.ค้าปลีกและน้ำมันหรือ OR นำความเชี่ยวชาญ จุดแข็งของทั้ง 2 ฝ่ายสร้างการเติบโตไปด้วยกัน
ขณะที่คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมบริโภค (RTD) ร่วมกับบุญรอดฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม (กลุ่ม Lifestyle) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ OR ในการสร้างพันธมิตรเพื่อหาโอกาสขยายธุรกิจ (Strategic Alliance) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเครื่องดื่มของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนและครอบคลุมยิ่งขึ้น (All Lifestyle) อีกทั้งยังสอดคล้องกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR หรือ OR SDG ในด้านการสร้างโอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ (D – DIVERSIFIED) ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
สำหรับกาแฟขวด “อเมซอน” ทั้ง 3 รสชาติ ที่เรียกว่าเป็นเมนู Top 5 ของอเมซอน และ “ฮารุ Cold Brew Green Tea” 2 รสชาติ จะวางขายในทุกช่องทางค้าปลีก รวมทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งมีสาขาทั่วประเทศราว 13,000 สาขาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนเป็นต้นไปขณะที่ลูกค้าสถานีน้ำมัน พีทีทีสเตชั่น ที่เติมน้ำมันเกรดพรีเมียม 1,200 บาทขึ้นไปจะได้ชิม กาแฟพร้อมดื่มอเมซอน ก่อนใครตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเ โดยหลังจากเปิดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ใน 7-Eleven ในช่วงแรกแล้ว จะมีการกระจายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดอื่นๆทั้งหมด รวมไปถึงช่องทางค้าปลีกในท้องถิ่นที่เป็นร้านค้าพันธมิตรของบุญรอดอีก 20,000 แห่งทั่วประเทศด้วย
ความร่วมมือในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวมพลังของบริษัทยักษ์ใหญ่รุกตลาด “กาแฟ” และ “ชาเขียว” พร้อมดื่มโดยเน้นจับเทรนด์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีเวลาแต่ต้องการเครื่องดื่มที่มีความพรีเมียมมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งจากนี้ก็คงต้องจับตากันต่อไปว่าทั้งสองผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาด RTD ได้มากน้อยแค่ไหน และหากประสบความสำเร็จจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกวางตลาดอีกบ้างก็คงต้องติดตาม