คาดการณ์สิ้นปีนี้ คอนโดลักซูรี่กลางเมือง ราคาแตะ 400,000 บาทต่อตร.ม.

  • 142
  •  
  •  
  •  
  •  

real

เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง เผยประเด็นร้อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคึกคักต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการลงทุน และราคาที่ดิน นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ราคาคอนโดกลุ่มลักซูรี่กลางเมืองอาจแตะ 400,000 บาทต่อตร.ม.

เมื่อราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้ในครึ่งปีหลังของปีนี้จะมีโครงการใหม่ย่านแจ้งวัฒนะและรามอินทรามากขึ้น ซึ่งคอนโดย่านนี้ราคาจะปรับตัวไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับย่าน CBD หากเจาะในย่านคนเมือง คอนโดในกลุ่มลักซูรี่กลางเมืองที่เปิดตัวด้วยราคา 400,000 บาทต่อตารางเมตรจะเห็นมากขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีโครงการคอนโดฯ เกิดใหม่ 31 โครงการ 14,094 ยูนิต คิดเป็น 2.5% ของตลาดคอนโดฯ และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าตลาดอสังหาฯ กำลังคึกคักสุดๆ เพราะมีการเปิดตัวโครงการกว่า 20 โครงการ หรือประมาณ 10,000 ยูนิต ในส่วนของห้องชุดที่เกิดใหม่อยู่ที่ 564,000 ยูนิต ที่มากที่สุดอยู่ในโซนสุขุมวิทตอนปลาย (ช่วงซอยสุขุมวิท 71 เป็นต้นไป) 29%, โซนพญาไท-รัชดาภิเษก-พระราม 9 23% และโซนตากสิน เพชรเกษม 17%

ด้านสัดส่วนคอนโดเกิดใหม่ 76% อยู่รอบใจกลางเมือง, 20% ชานเมือง อาทิ แจ้งวัฒนะ, แคราย และงามวงศ์วาน และใจกลางเมือง 4% อาทิ สีลม, สาธร และหลังสวน

นักลงทุนรายใหญ่-รายย่อย-ต่างชาติ ยังเชื่อมั่นในตลาดอสังหาฯ ของไทย

ช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ ตลาดคอนโดฯ บ้านเรากว่า 70% เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ แต่มาในปีนี้เริ่มมีผู้พัฒนาโครงการขนาดกลางและรายใหม่ที่เปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้น 38% จากเดิม 30% และผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ 62% คิดเป็น 8,700 ยูนิต โดยผู้พัฒนากลุ่มนี้จะเน้นการพัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืน พัฒนาโครงการที่มีรายได้ค่าเช่า ทั้งโรงแรมและอาคารสำนักงาน รวมถึงวางแผนลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับผู้พัฒนาโครงการชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย หลักๆ จะมี 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, จีน, สิงคโปร์ และฮ่องกง โดยญี่ปุ่นมีสัดส่วนเยอะที่สุด โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดการลงทุน อันดับแรกยังเป็น “ราคา” ตามมาด้วย ต้องการบ้านหลังที่ 2 เพื่อพักผ่อน, ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในประเทศตัวเอง และ อัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ต้องหาแหล่งลงทุนใหม่เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 14,094 ยูนิต เป็นผู้พัฒนาโครงการคนไทย 80% และคนจีน 20% คิดเป็นเกือบ 3,000 ยูนิต ซึ่งมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท

โดยกลุ่มนักลงทุนที่น่าจับตามองคือ นักลงทุนที่มีเงินทุนจากธุรกิจครอบครัว เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคล่องตัวสูง แม้จะมีทุนไม่มากนัก แต่เป็นกลุ่มที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดอสังหาฯ ได้มาก และไม่จำกัดอยู่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังรวมไปถึงโรงแรม อพาร์ทเมนท์ Co-Working Space หรือ Lifestyle Retail ต่างๆ

ไม่ว่าจะคอนโดเก่าหรือใหม่ ต้องมีเทคโนโลยีที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์

เวลาเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์เปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคก็เช่นกัน คอนโดรุ่นใหม่จึงต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใน 3 ด้าน คือ Health-Hobby-Exercise , Convenience และ Safety & Security ดังนั้น โครงการจึงต้องพัฒนาฟังก์ชั่นต่างๆ ให้รองรับผู้อยู่อาศัย อาทิ Mobile Application, Smart Robot หรือ Smart Locker ฯลฯ ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่แค่โครงการเปิดใหม่ แต่โครงการเดิมที่มีผู้อยู่อาศัยแล้วก็ต้องนำสิ่งเหล่านี้มาใช้เช่นกัน

ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในครึ่งปีหลัง

ต้องบอกว่าที่ดินติดรถไฟฟ้าเริ่มหายากขึ้นทุกที หรือที่เจอก็ราคาสูงลิ่ว ทำให้ในครึ่งปีหลังคอนโดฯ ที่เข้าซอยลึกมาหน่อยมีแนวโน้มจะเปิดตัวมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดฯ 7-8 ชั้น ส่วนคอนโดฯ ระดับลักซูรี่ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุน และผู้บริโภคเหมือนเดิม ถ้าเป็นโซนกลางเมือจะขยับจากทองหล่อไปเอกมัยมากขึ้น และโซนสุขุมวิท 31-49 จะเข้าซอยลึกขึ้น


  • 142
  •  
  •  
  •  
  •