Miniso แบรนด์รีเทลจากจีน แต่กำลังปังในอเมริกา มาวิเคราะห์ดูว่าเพราะอะไร?

  • 633
  •  
  •  
  •  
  •  

Credit: rblfmr/Shutterstock.com

 

สำหรับคนไทยพูดได้ว่า แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักร้าน Miniso ร้านที่ขายของ everything jingle bell จากประเทศจีน แต่ดีไซน์มินิมอลสไตล์ญี่ปุ่น กับสินค้าราคาประหยัดสุดๆ ที่ซื้อได้ตั้งแต่วัยเรียน วัยทำงาน จนวัยเกษียณ

หลายคนที่ตามข่าวมาบ้างอาจจะเห็นอยู่บ่อยๆ ว่า Miniso ได้ขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จนตอนนี้มีสาขาทั่วโลกมากถึง 4,800 สาขา ในกว่า 90 ประเทศ แต่สำหรับในสหรัฐอเมริกา ร้าน Miniso มีสาขาในปัจจุบันเพียง 30 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยเมื่อเทียบกับขนาดของประชากร และพื้นที่ในประเทศ

อย่างไรก็ตาม Vincent Huang รองประธานบริษัท Miniso Group คาดการณ์ว่าภายในปลายปีนี้ MIniso ในสหรัฐฯ จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 54 ร้านค้า หลังจากที่เปิดเผยแผนลงทุน offline stores ในสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯ ประกาศลดค่าเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า ลดลง 20%

แต่ที่น่าสนใจมากกว่า ก็คือ ตลาดอเมริกันที่กำลังนิยมของใช้ราคาประหยัดมากขึ้น และชอบที่จะใช้บริการร้านที่มีทุกอย่าง ตั้งแต่ของใช้ในบ้าน, อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องสำอาง, เครื่องประดับ, ของเล่น ไปจนถึงขนม ขณะที่กระะแสในหลายๆ แบรนด์ที่ขายสินค้าคล้าย Miniso เช่น Daiso, Dollar Tree รีเทลราคาถูกรายใหญ่ที่ครองตลาดเมริกันในปัจจุบัน ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกัน แบรนด์คู่แข่งของ Miniso หลายราย หนึ่งในนั้นก็คือ Flying Tiger Copenhagen รีเทลเลอร์จากเดนมาร์ก ที่ปิดร้านไป 13 สาขาในสหรัฐฯ เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา

 

 

คนอเมริกันนิยมของราคาถูกมากขึ้น

Vincent Huang ได้ระบุในคำแถลงการณ์ของแบรนด์ว่า เขาได้พูดถึงเหตุผลเกี่ยวกับตลาดอเมริกัน โดยเฉพาะอเมริกาเหนือที่กำลังน่าสนใจ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง 20% อย่างที่เล่าไป และคู่แข่งที่ทยอยพากันปิดตัวลงในสถานการณ์แบบนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่มองว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ Miniso มองตลาดอเมริกันว่ามีศักยภาพ คือ “ความนิยมของราคาถูกมากขึ้น”

หากเทียบกับเมื่อก่อนจะเห็นได้ชัดว่า ความนิยมของราคาถูกลงในสหรัฐฯ นั้นมากขึ้น ขณะที่แบรนด์เสื้อผ้าราคาถูกอย่าง Shein แบรนด์จากจีนก็ประสบความสำเร็จแซงหน้า Amazon ยักษ์ใหญ่ในอเมริกาไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจัยนี้มองว่า เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญและดีมานด์ของคนอเมริกัน และคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ นิยมของใช้ราคาถูกลง และเลือกของ mess products มากขึ้น ตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจระยะยาว

ถ้าจะอธิบายด้วยตัวเลขที่จับต้องได้มากขึ้น ก็คือ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021 (สถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐฯ ดีขึ้น แต่ยังไม่หมดไป) ยอดขายของ Miniso เพิ่มขึ้นถึง 73% เทียบปีต่อปี

“ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ผู้บริโภคพวกเขานั่งอยู่บนกองเงินออม/เงินเก็บ ดังนั้น ท้ายที่สุดผู้บริโภคไม่ได้สนใจว่าจะเป็นแบรนด์จีน, ญี่ปุ่น, อเมริกัน หรือมาจากยุโรป แต่สิ่งที่พวกเขาแคร์คือ มีสินค้าที่คุ้มค่าและใช้เงินน้อยที่สุดหรือไม่” Vincent Huang พูดปิดท้าย

 

Credit: Kaleb-Kroetsch-Shutterstock

 

 

 

ที่มา: reuters, retail insight network


  • 633
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม