ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศยังคงมีอัตราผู้ติดเชื้อจากแพร่ระบาดของไวรัส “COVID-19” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าจะควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวได้ แต่ “ประเทศจีน” ซึ่งเคยเป็นพื้นที่สีแดงในสายตาของชาวโลก เป็นจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาด แต่วันนี้กลับประกาศชัยชนะและหลุดพ้นจากสถานะเดิมได้แล้ว
มีรายงานข่าวระบุว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่ จีน “ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่” เกิดขึ้น แม้แต่ในอู่ฮั่น…พื้นที่ที่เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาด และทำให้จีนต้องต่อสู้กับโรคระบาดดังกล่าวมาตั้งแต่ปลายปี 2562 เรื่องนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของชาวจีน ที่มีความพยายามควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดภายในประเทศจนประสบผล และแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะกลายเป็น 0 แต่ก็ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ อยู่ที่ 189 คน
ย้อนมองถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นในจีน จากเดิมที่เคยมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นหลายพันคนต่อวัน สิ่งที่ทำให้จีนมาถึงวันนี้กลายเป็นสัญญาณว่า นี่อาจเป็น “โอกาสชนะ” ของมนุษย์ทั่วโลกกับการต่อสู้ในสถานการณ์นี้ โดยแนวโน้มผู้ป่วยใหม่ในจีนเริ่มลดต่ำลงตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม เทียบกับยอดในเดือนกุมภาพันธ์ที่สูงสุดถึง 14,000 คน!!! เรียกว่าต่างกันลิบ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 80,928 คน ยังต้องรับการรักษาอีก 7,263 คน และเสียชีวิตแล้ว 3,245 คน ส่วนยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกประมาณ 200,000 คน
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงแรก แต่ตอนนี้ “รัฐบาลจีน” สามารถเรียกความชื่นชมกลับมาได้แล้ว อันเป็นผลจาก “มาตรการขั้นเด็ดขาด” ที่รัฐบาลนำมาใช้อย่างจริงจัง ตั้งแต่การยกเลิกกิจกรรมต่าง ๆ การปิดสถานที่ท่องเที่ยว การระงับเที่ยวรถโดยสาร รถไฟ และเครื่องบิน หรือแม้แต่การขอร้องให้ประชาชนชาวจีนหลายร้อยล้านคนกักตนเองอยู่ในอาคารบ้านเรือน ไม่ใช่เพียงแค่ประชาชนในเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น ทั้งหมดก็เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่ระบาด กระทั่งสถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามที่บอกไปแล้ว รัฐบาลจีนจึงยกเลิกภาวะ “ปิดเมือง” ในหลาย ๆ พื้นที่แล้ว ยกเว้น…อู่ฮั่น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายในประเทศจีน ทำให้ผู้คน ชุมชน สถานศึกษา ธุรกิจและภาคการผลิต เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวบ้างแล้ว ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายว่า เชื้อไวรัสดังกล่าวถูกจำกัดได้แล้วจริง ๆ หรือมีโอกาสระบาดใหม่อีกครั้งจากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่พื้นที่
ที่มา : CNN , Xinhua Net
