ภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ซบเซาจากสถานการณ์โควิด-19 กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังสถานการณ์เริ่มกลับมาปกติ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้และอุปนายกสมาคมโรงแรมไทย หรือ (THA) เผยตัวเลขของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 – วันที่ 25 มิถุนายน 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 12,464,812 คน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 539% จากปีก่อน ภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรม คาดการณ์นักท่องเที่ยว 25 ล้นคนตอนนี้เกินครึ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ 14 ล้านเฉลี่ยต่อเดือน 2 ล้านคน
เปิดพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคหลังโควิด-19
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงหลังสถานการณ์โควิด-19 ปรับเปลี่ยนเป็นการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์เน้นท่องเที่ยวระยะยาวมากขึ้นเฉลี่ยต่อครั้งมากกว่า 7 วัน ปัจจัยมาจากเรื่องของราคาตั๋วที่แพงขึ้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเน้นเที่ยวไม่ถี่เน้นอยู่ยาวเพื่อลดต้นทุนต่อวัน
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย อย่างไรก็ตาม แม้การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นแต่ธุรกิจโรงแรมยังอยู่ในภาวะกำลังฟื้นตัวและยังเผชิญกับความท้าทายหลายปัจจัยโดยเฉพาะเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และอาจเป็นตัวแปรในการปรับขึ้นราคาห้องพัก รวมถึงการจ้างงานที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบ เช่น การใช้วิธีเหมาจ่ายตามปริมาณงาน หรือใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนแรงงานมากขึ้น รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โรงแรมขนาดใหญ่อาจมีการปรับราคาลงเพื่อกระตุ้นการเข้าพัก แต่โรงแรมขนาดเล็กไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ถ้าเป็นแบบนี้อาจส่งผลให้เกิดสงครามราคาที่ผู้ประกอบการแย่งลูกค้ากันเอง
ความท้าทายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยง โรงแรม สายการบิน
(TTAA) คาดว่า ในปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางออกต่างประเทศประมาณ 7.5 ล้านคน ขณะที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) รายงานจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วโลก (International Flight) ปีนี้จะขยายตัว 70% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตเท่ากับก่อนช่วงโควิด-19 ในปีหน้า พร้อมเสนอแนะเรื่องการคลายข้อจำกัดด้านการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินที่จะเก็บจากนักท่องเที่ยวขาเข้าและการเก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวขาออกจากประเทศ รวมถึงการจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน (VAT on Outbound) ขณะที่นักท่องเที่ยวมีทางเลือกในการจองสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วยตัวเอง
เพราะปัจจุบันแพลตฟอร์มสำหรับการท่องเที่ยวมีเพิ่มมากขึ้น ถ้ามองในแง่ดีจะเป็นการช่วยส่งเสริมให้ตลาดท่องเที่ยวใหญ่ขึ้นขณะที่ผลต่อ Online Travel Agency (OTA) และบริษัททัวร์มองว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแบบชะลอตัว เศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเสี่ยงหลายประการ ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน การแข่งขันในอุตสาหกรรมสายการบินจากการเพิ่มเที่ยวบินและเปิดเส้นทางใหม่มีมากขึ้น และสถานการณ์เงินของสายการบินยังค่อนข้างเปราะบางแม้จะเริ่มปรับตัวขึ้นจากรายได้ที่ฟื้นตัว ดังนั้นการส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมสายการบินต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาล สายการบิน และผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรม รัฐบาลไทยต้องวางตำแหน่งอุตสาหกรรมการบินให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีส่วนสนับสนุนการเติบโตและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศ
คุณเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่วนกิจกรรมการตลาดด้านการท่องเที่ยว บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มองว่า ธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญส่งผลต่อสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินที่ค่อนข้างชัดเจน โดยคาดว่าการเดินทางโดยอากาศยานของภูมิภาคเอเชียจะกลับมาขยายตัวได้ 70 – 80 % เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการบินของไทยยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย
-
-
- การส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการบินแข็งแกร่งเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศผ่านการเดินทางและขนส่งสินค้าทางอากาศ
-
-
-
- ลดผลกระทบต้นทุนโดยภาครัฐควรกำหนดอัตราที่เหมาะสมของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพราะมีผลต่อการตั้งราคาบัตรโดยสาร รวมทั้งลดค่าธรรมเนียมวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว
-
-
-
- แก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรด้านบุคลากรการบิน ที่ได้รับผลกระทบจากการลดขนาดองค์กรช่วงโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการบิน ไม่สามารถกลับมาให้บริการได้เต็มความสามารถ เมื่อเทียบกับอุปสงค์ของการท่องเที่ยว
-
อุตสาหกรรมการบินกลับมาคึกคักและแข่งขันกันอีกครั้ง โดยการกำหนดราคาค่าโดยสารยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ สะท้อนจากการงดออกแคมเปญโปรโมชันช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว สำหรับปัญหาและอุปสรรคในอุตสาหกรรมการบินคือ เรื่องทรัพยากรบุคคลตามสนามบินต่างๆ ที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติการแต่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศกำลังพยายามสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินให้กลับมาดำเนินการได้ ขณะที่สายการบินไทยเวียตเจ็ท มองเห็นโอกาสจากเส้นทางระหว่างประเทศรอง อาทิ ประเทศอินเดีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสูงและนักเดินทางมีศักยภาพ และกลุ่มนักเดินทางช่วงนี้จะเป็น กลุ่มนักเดินทางอายุน้อย ในขณะที่จำนวนนักเดินทางเพื่อธุรกิจปรับลดลง
คุณพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหาร KTC World Travel Service และการตลาดท่องเที่ยวหมวดสายการบิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมการใช้จ่ายในหมวดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวผ่านบัตรเครดิตเคทีซี
ปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของการท่องเที่ยวโดยครึ่งปีแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้น 25% จากช่วงปี2562 โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ สูงสุดแยกตามหมวด ได้แก่ สายการบิน เอเย่นต์ท่องเที่ยว (ทั้งออนไลน์และออฟไลน์) โรงแรม รถเช่า-รถไฟ-การเดินทางขนส่ง และแหล่งท่องเที่ยว/กิจกรรมสันทนาการ นอกจากนี้ หลังการเปิดรับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ ส่งผลให้สมาชิกวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเรียงลำดับประเทศยอดนิยมดังนี้ ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส ฮ่องกง และเวียดนาม โดยยอดเฉลี่ยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีต่อสมาชิกในหมวดท่องเที่ยวอยู่ที่ 17,000 บาท