ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับประเทศจีน ยังลากยาวนานกว่าวิกฤตการระบาดของไวรัสเสียอีก จากชนวนปัญหาสงครามการค้า ที่เฉือนกันไปเฉือนกันมา ไม่ว่าจะด้วยวาทะ หรือการกระทำต่างๆ ก็ตาม
ล่าสุด ตัวประกันใหม่ของสหรัฐฯ อย่าง ‘TikTok’ ที่ก่อนหน้านี้ทำท่าจะถูกแบนเพราะกังวลเรื่องความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะห้ามไม่ให้อิทธิพลของสื่อสังคมดังกล่าวขยายฤทธิ์ในอเมริกาได้
แม้ว่าช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ByteDance บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน พยายามแก้ไขสถานการณ์ความตึงเครียดนี้ ด้วยการปล่อยให้ Microsoft ของสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาท เป็นผู้กุม data ทั้งหมดในอเมริกา เพราะไม่ต้องการให้ทางทำเนียบขาวลงดาบได้
แต่สุดท้ายประธานาธิบดีฝีปากกล้ารายนี้ แสดงให้เห็นว่า ‘พูดแล้วห้ามคืนคำ’ โดยตัดสินใจเมื่อวันที่ 6 ส.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) ได้ลงนามในคำสั่ง ‘ห้าม’ ไม่ให้บุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัท ByteDance โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ในอีก 45 วันข้างหน้า
ขณะที่การลงนามได้ระบุว่า“สหรัฐฯ พยายามจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การแพร่กระจายของแอพพลิเคชั่นที่ควบคุมโดยรัฐบาลจีน เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ, นโยบายต่างประเทศ และ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ”
“ดังนั้น สหรัฐฯ ต้องดำเนินการในเชิงรุกต่อ TikTok เพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของเรา”
นอกจากนี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้พูดว่า แอพฯ จีนที่ไม่น่าไว้ใจ เช่น TikTok และ WeChat ถือว่าเป็นภัยคุกคามข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเป็นเครื่องมือของรัฐบาลจีนในการเผยแพร่และเซ็นเซอร์คอนเทนต์ต่างๆ อีกด้วย
ความขัดแย้งยังลุกลามไปถึง ‘หัวเว่ย’ ซึ่งเคยเป็นประเด็นถกเถียงกันในทำเนียบขาวมาก่อน ทั้งนี้ นายปอมเปโอ ได้เรียกร้องให้ปฏิเสธการนำแอพฯ ของบริษัทอเมริกันไปใช้บนสมาร์ทโฟนของบริษัทหัวเว่ย รวมทั้งได้เรียกร้องให้บริษัทของสหรัฐฯ เลิกใช้บริการคลาวด์ของผู้ให้บริการสัญชาติจีน ไม่ว่าจะเป็น Tencent, Alibaba และ Baidu
INBOX: @realDonaldTrump has signed an executive order to ban TikTok in 45 days. pic.twitter.com/1zR4HgCPVj
— Andrew Feinberg (@AndrewFeinberg) August 7, 2020
ที่มา : theverge