AdFest 2014 จัดเสวนาผลักดันแบรนด์อย่างยั่งยืนเน้นธีม ‘Co-Create the Future’

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Adfest-2014

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ คณะกรรมการจัดงานมหกรรมโฆษณาแอดเฟสเปิดตัวงานมหกรรมโฆษณาแอดเฟสครั้งที่ 17 หรือ แอดเฟส 2014  ด้วยกิจกรรมเสวนาภายใต้หัวข้อ “How do we Co-Create Responsibly for the Brand?” เพื่อหาคำตอบให้กับแนวทางการร่วมสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน ซึ่งหัวข้อเสวนานี้เชื่อมโยงกับธีมของงานแอดเฟสในปีนี้ที่มีชื่อว่า “Co-Create the Future” ที่เน้นการให้ความสำคัญกับทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมบนแพลทฟอร์มการสื่อสารต่างๆ ที่เปลี่ยนไปมากอย่างทุกวันนี้

ในเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ภายใต้หัวข้อ “How do we Co-Create Responsibly for the Brand?” มีผู้ร่วมเสวนาคือ นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย นายสุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ ประธานและประธานกรรมการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด และนายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด และดำเนินการเสวนาโดยนางสาว วิลาวัณย์ สุรพงษ์ชัย ผู้อำนวยการงานมหกรรมโฆษณาแอดเฟส ซึ่งเนื้อหาของการเสวนามุ่งให้คำตอบกับคำถามที่อยู่ในใจของนักโฆษณาในยุคนี้ เช่น หน้าที่ของคนแต่ละคนในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้คืออะไร อะไรจะช่วยทำให้ผู้บริโภคมีความสุขและทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ เราจะทำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันให้มีประสิทธิภาพอย่างไร เราจะหาเรื่องราวอะไรมาป้อนให้กับผู้บริโภคและเราจะทำมันอย่างไร เราจะล้วงเอาความคิดที่อยู่ข้างในลึกๆ ของผู้บริโภคออกมาทำให้มันเกิดคุณค่ากับแบรนด์อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรเป็นประโยชน์ และอะไรคือความเสี่ยง คำถามเหล่านี้คือคำถามที่อยู่ในใจคนสร้างแบรนด์และนักโฆษณา

สรุปใจความของงานสัมมนา

  1. ปัจจุบันอำนาจของการผลิตสื่อและคอนเทนต์ได้ย้ายจากมือของผู้ส่งสารไปสู่มือของ End users อย่างมากมาย เนื่องจากสื่อแบบ one-way communication เริ่มถูกท้าทายและต้องปรับตัวรับ feedback ที่จริงใจจากผู้บริโภคมากขึ้น บรรยากาศเช่นนี้เรียกร้องให้มาร์เกตเตอร์ต้องทำการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อความอยู่รอดของแบรนด์มากขึ้น
  2. การก้าวไปทำการตลาดบน platform อื่นๆ นอกเหนือจากสื่อกระแสหลักยังเป็นสิ่งที่มาร์เกตเตอร์ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม มาร์เกตเตอร์ส่วนใหญ่ใช้จ่ายงบประมาณสำหรับ platform ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งกลวิธีหนึ่งที่ได้ผลคือการสร้างไวรัล ซึ่งคุณต้องหาผู้นำความคิดในแต่ละกลุ่ม เช่น เพื่อน คนใกล้ชิด เพราะขณะนี้เซเลบอาจไม่ใช่ตัวเลือกเดียวในการแนะนำแบรนด์ของคุณให้เป็นไวรัลได้อีกแล้ว
  3. โซเชียลมีเดียเป็นสื่อที่ทรงพลังในทุกมิติ ทั้ง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ พลังของโซเชียลมีเดียสามารถสร้างหรือฆ่าแบรนด์ของคุณได้ในพริบตา การตอบสนองกับมันอย่าง real-time response เริ่มเป็นเรื่องจำเป็นทุกขณะ
  4. มีข่าวสารมากมายไหลเวียนอยู่ในโลกโซเชียล อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ปัจจุบันยังขาดวิจารณญาณและไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการพิสูจน์ความจริงเท็จของข่าวก่อนการ Like หรือ Share ผู้จัดงานยังเรียกร้องให้โซเชียลเนคเวิร์กทุกแบรนด์มีกลไกในการตรวจสอบความถูกต้องเหล่านี้ด้วย
  5. แบรนด์ที่เคยทำผิดพลาดในอดีต เช่น ปล่อยไวรัลที่ทำให้ตัวเองเสียชื่อ สามารถแก้ตัวด้วยการทำดีต่อไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าสักวันผู้บริโภคจะให้อภัย
  6. คนไทยมีนิสัยเกลียดคนที่หลอกตัวเอง และไม่ชอบให้แบรนด์ไหนฉวยโอกาสเหยียบย่ำคนพ่ายแพ้
  7. วิธีรับมือหากแบรนด์ของคุณเกิดวิกฤตคือ real-times response, การพูดให้ตรงกับข้อมูลและขอโทษหากผิดจริง

ด้านงานแอดเฟส 2014 ปีนี้มีผลงานส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 3,000 กว่าชิ้นงาน ใน 17 ประเภท โดยประเภทที่เพิ่มมาก็คือ “Media Lotus” ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์และแปลกใหม่ และคาดว่าจะมีคนในวงการโฆษณาจากภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค และตะวันออกกลาง เข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน  โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 8 มีนาคม 2557  ณ โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเท็ล กรุ๊ป เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

ADFEST-2014-Co-create-the-future

ในปีนี้ แอดเฟสยังจัดให้มีเวิร์คช้อปพิเศษที่มีชื่อเรียกว่า ADFEST + D&AD Workshop ซึ่งเป็นเวิร์คช้อปสำหรับครีเอทีฟรุ่นใหม่ พวกเขาจะได้มาเรียนรู้จากกลุ่มคนที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดครีเอทีฟมือรางวัลที่มากด้วยประสบการณ์และไอเดียจากทั่วโลกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันและแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งอีกหนึ่งเวิร์คช้อปจาก Cirkus ที่มีชื่อว่า “Cirkus Animation Workshop: How to Create an  Animated Spot In Time & On Budget” ซึ่งเป็นเวิร์คช้อป ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้มีเรียนรู้ถึงการสร้างโฆษณาแอนิเมชั่น ให้อยู่ในเวลา และงบประมาณที่กำหนด โดยผู้เข้าร่วมจะถูกแบ่งเป็นทีม และช่วยกันคิดไอเดีย วิธีการ และเทคนิคต่างในการสร้างโฆษณาแอนิเมชั่น

นายวินิจ สุรพงษ์ชัย ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมโฆษณาแอดเฟสกล่าวว่า  “แอดเฟสถือเป็นงานมหกรรมโฆษณาประจำปีที่ได้รับยกย่องมากที่สุดงานหนึ่งในภูมิภาค แอดเฟส 2014 ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  (DITP) และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สสปน. (TCEB)  ปีนี้เป็นปีแรกที่เราได้จัดให้มีการเสวนาพูดคุยในงานแถลงข่าวเพราะเราอยากเน้นความสำคัญของเนื้อหาที่กำลังเป็นที่สนใจและเกี่ยวข้องกับธีมของแอดเฟสในปีนี้”

นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า งานแอดเฟสครั้งที่ 17 นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ร่วมสนับสนุนงานสัมมนาที่มีผู้บรรยายมีชื่อเสียงและมากด้วยประสบการณ์จากวงการโฆษณาและการตลาดจากทุกมุมโลกที่จะมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ รวมไปถึงทักษะการทำงานเพื่อสร้างสรรค์งานครีเอทีฟที่ไม่เพียงแต่ทันสมัยแต่ยังมีมาตรฐานสูง เพื่อให้คนในวงการโฆษณาได้ก้าวให้ทันโลกและให้ได้นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนางานเพื่อที่จะเป็นแรงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไปในทิศทางที่มั่นคงอย่างยั่งยืน

“เราได้ร่วมสนับสนุนในการจัดเวทีเจรจาการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย โดยครั้งนี้เราได้คัดเลือกบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาและสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาที่มีศักยภาพสูงถึง 6 ราย ให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเข้ามาจัดบูธเพื่อแสดงผลงานและมีโอกาสเชื่อมต่อกับคนในวงการจากภูมิภาคต่างๆ ภายในงาน ทั้งนี้ก็เพื่อนำมาซึ่งการสร้างรายได้เข้าประเทศให้มากขึ้นจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว

ADFEST เป็นงานมหกรรมโฆษณาประจำปีในระดับภูมิภาค ที่มีกิจกรรมหลัก 3 ส่วน ได้แก่ การประกวดผลงานโฆษณา การบรรยายของนักคิดสร้างสรรค์งานโฆษณา และการแสดงนิทรรศการผลงานที่ส่งเข้าประกวด และกิจกรรมเสริม 2 ส่วน ได้แก่ Young Lotus Creative Workshop และ Fabulous Four New Directors


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง