3 สิ่งที่เราเรียนรู้จากเทรนด์ Selfies ยุคปัจจุบัน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Asian girl selfie

ภาพจาก Dove short film “selfies”

Selfies เป็นคำแสลงต้นกำเนิดจากออสเตรเลียมาจากคำว่า Self ที่แปลว่าตัวเองและเติม –ies ซึ่งเป็นคำที่ชาวออสซี่ชอบใช้เรียกสิ่งต่างๆ

เทรนด์ Selfies ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่นอกจากจะใช้ทำการตลาดแล้ว มันยังสะท้อนอุปนิสัยของคนปัจจุบันได้อย่างดีหลายอย่าง หากพิจารณาดีๆ แล้ว Selfies ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการถ่ายภาพโดยตัวเรา มีเพียงตัวเราอยู่ในภาพ และไม่ได้ต้องทำอย่างอื่นนอกจากแสดงความเป็นตัวเราที่อยากให้คนอื่นเห็นเท่านั้น

ดังนั้น นี้เป็นโอกาสทองของมาร์เกตเตอร์แล้วที่จะล้วงความลับว่าลูกค้าฝันอยากเป็นอยากมีอะไรแบบไหนบ้าง?

วันนี้เรามาจัดอันดับและวิเคราะห์ประเภทของ Selfies ดีกว่าว่ามีอะไรบ้างและสะท้อนถึงนิสัยอะไรของผู้ทำ

Selfies เห็นแก่ตัว

บางครั้ง คนยุคปัจจุบันก็ถ่ายเซลฟี่ไปซะทุกที เสื้อใหม่? กลับบ้านช้า? รู้สึกดี? ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนยุคนี้เคยชินกับชีวิตที่มีการเชื่อมต่อตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการแชร์ทุกอย่างตลอดเวลา ต้องการบ่นอาหารไม่อร่อยกับเพื่อน ต้องการแนะนำสินค้าใหม่บน Facebook ของตัวเอง

บทเรียน: การเชื่อมต่อถือเป็นอีกปัจจัยในการดำรงชีวิตของคนยุคสองพัน โมบายต้องมาก่อน

Selfies เผยตัวตน

คนยุคสองพันไม่ได้เพียงแต่ต้องการแชร์ เขายังต้องการบอกเล่าและสร้างตัวตนของตัวเองบนโลกโซเชียลมีเดียอีกด้วยดังนั้น พวกเขาจะดัดแปลงรูปภาพ ใส่ Hashtag ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ฟังเพลงที่ชอบ คนที่พวกเขาไปด้วย

บทเรียน: หากอยากจับกลุ่มตลาดคนยุคสองพันนี้ จงเปิดโอกาสให้เขาโอ้อวดตัวเองซะและอนุญาตให้เขา customize สินค้าและบริการของคุณ

Selfies ตามสถานการณ์

ชีวิตของชาวมิลเลนเนียมนั้นตั้งอยู่บนฐานของสิ่งที่มองเห็นได้ ข้อความที่จับต้องได้ (?) จึงไม่แปลกที่โซเชียลมีเดียดังในยุคนี้คือ Instagram และ YouTube (ก็พวกเขาไม่ชอบอ่านและคอยจินตนาการอย่างเดียวแล้วนี่) นอกจากนี้พวกเขายังเชี่ยวชาญเทคโนโลยี พวกเขารู้ดีว่าภาพมีผลต่อความเข้าใจมากแค่ไหน

บทเรียน: ทำทุกอย่างให้มองเห็นได้ซะ (Visualize) ไม่จำเป็นต้องพึ่งคอนเทนต์ในการบอกเล่าเรื่องราวอย่างเดียวเนื่องจากคนยุคนี้ไม่ได้สนใจที่คุณเขียนเรื่องราวยาวๆ เท่าไหร่หรอก ดังนั้น ใส่ภาพหรือวีดีโอลงไปน่าจะมีอนาคตมากกว่า

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง