30 เรื่องจริงจากแบรนด์ “Adidas” ที่แฟนพันธุ์แท้ห้ามพลาด

  • 559
  •  
  •  
  •  
  •  

Adidas เป็นแบรนด์ผู้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาทั้งอุปกรณ์และเสื้อผ้า ส่งจำหน่ายทั่วโลก เริ่มกิจการเมื่อปี 1920 ในเยอรมันี  สำหรับปี 2015 ที่ผ่านมา อดิดาส มียอดขายสุทธิอยู่ที่ $19.53 billions (7.1 แสนล้านบาท)  กำไรอยู่ที่ $650 millions (23,640 ล้านบาท) มีพนักงานทั้งหมด 53,731 คน  และ CEO คนปัจจุบันคือนาย  Herbert Hainer

 

1.  Adidas เริ่มผลิตรองเท้าคู่แรกขึ้นเมื่อปี  1920 โดยนาย Adi Dassler ชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในเมือง Bavarian 

 

2.  Adi เริ่มทำรองเท้าของตัวเองครั้งแรกในห้องซักล้างที่บ้านตัวเอง และหลังจากน้องชายของเขา Rudolf Dassler กลับมาจากการประจำการในกองทัพช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สองพี่น้องก็มาช่วยกันสร้างกิจการรองเท้าของตัวเอง จนกระทั่งร้านรองเท้าต้นกำเนิด Adidas ถูกเปิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1924 ในชื่อ  Gebrüder Dassler Schuhfabrik (Dassler Brothers Shoe Factory) ยังไม่ได้ใช้ชื่อ Adidas

m0apxccs3up9rs4aqtnn

 

 

3.  รองเท้า Adidas  ยุคบุกเบิกจะเป็นรองเท้าวิ่งที่พื้นรองเท้าเป็นเดือยแหลม สัญลักษณ์แบรนด์ที่คนจดจำได้คือแถบสี 2 แถบด้านข้าง  และได้ร่วมเป็นสปอนเซอร์ให้งานแข่งกีฬาหลายงาน  Adidas ในยุคนั้นจึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว  ทำให้รองเท้าขายดีมากเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 200,000 คู่ ก่อนจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2

531318_10150818111008888_353274480_n

4.  พอถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานของ Adi และ Rudolf ถูกทหารเข้าแทรกแซง และมีคำสั่งให้ผลิตรองเท้าบูททหารแทน ส่วน Rudolf ถูกเรียกตัวกลับเข้ากองทัพให้ร่วมรบในสงคราม

 

5.  พอจบสงคราม เกิดความบาดหมางขึ้นระหว่างพี่น้อง Adi และ Rudolf  ทั้งคู่มีปากเสียงกันรุนแรงโดยไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ Rudolf ตัดสินใจแยกตัวออกจากบริษัทและมาสร้างแบรนด์รองเท้ากีฬาของตัวเอง แบรนด์นั้นคือ Puma ส่วน Adi ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อแบรนด์โดยใช้ชื่อสมาสกับนามสกุลเป็น Adidas และเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าจากแถบสี 2 แถบ เป็น 3 แถบ

1400667245-ADIRUDI-o

 

6.  นับแต่นั้นมา Adidas กับ Puma เป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาโดยตลอด และพี่น้องก็ยังคงไม่หันหน้ามาคุยกันจนกระทั่ง  Rudolf  เสียชีวิตลงในวัย 76 ปี  กิจการ Puma ถูกเปลี่ยนมือบริหารอยู่หลายครั้ง ระหว่างนี้ก็ยังคงขับเคี่ยวกับ Adidas อย่างไม่ลดละ จนเกิดเหตุการณ์ฟ้องร้องกันเรื่องลิขสิทธิ์อยู่หลายครา

48

 

7.  ความบาดหมางของทั้งสองแบรนด์พี่น้องเริ่มบรรเทาเบาบางลงเมื่อปี 2009  CEO และผู้ถือหุ้นจากทั้ง 2 บริษัทจัดกิจกรรมเตะบอลกระชับมิตร เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นความสัมพันธ์สองพี่น้องผู้ให้กำเนิดแบรนด์รองเท้ากีฬาที่โด่งดังระดับโลก

47

8.  ตอนที่พี่น้องแยกทางกัน Adi ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อแบรนด์โดยใช้ชื่อรวมกับนามสกุลเป็น Adidas  เปลี่ยนเครื่องหมายด้านข้างรองเท้าจากแถบสี 2 แถบ เป็น 3 แถบ และจดทะเบียนเป็นบริษัทของตัวเองโดยแยกจากน้องชาย เมื่อปี 1949 สิ่งที่ Adi หมายมั่นก็คือการผลิตรองเท้ากีฬาที่มีคุณภาพและสามารถช่วยส่งเสริมการเล่นกีฬาให้มีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้นได้

9.  Samba เป็นหนึ่งในรองเท้ารุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนาน กำเนิดขึ้นในปี 1950 วัสดุหลักที่ใช้เป็นยางเนื้อคุณภาพ ดีไซน์ดั้งเดิมของ Samba ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีบนพื้นน้ำแข็ง ไม่ได้นำมาใช้ในสนามฟุตบอลอย่างยุคหลังๆ

547963_10150815693528888_263163894_n

10.  สนีกเกอร์รุ่น Rom  เป็นต้นกำเนิดของ Adidas training shoe ในปี 1957  เป็นรองเท้าที่ผลิตด้วยแผ่นรองรุ่นพิเศษที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าได้เป็นอย่างดี มี toe-cap ยางคุณภาพที่ห่อหุ้มอยู่บริเวณหัวรองเท้า ตัดเย็บด้วยเส้นใย Achilles มีความแข็งแรงทนทาน เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความคลาสสิค และมีกลิ่นอายของความเป็น street fashion อยู่ในตัว

475957_10150817982943888_1474403266_o

 

11.  “Adidas Chile 62″ ถูกผลิตขึ้นเพื่อกีฬาฟุตบอลในช่วงเทศกาล the 1962 FIFA World Cup™

460580_10150821041553888_718795503_o

12.  Stan Smith รองเท้าสำหรับกีฬาเทนนิสรุ่นแรกของ Adidas ในปี 1964ซึ่งเดิมทีไม่ได้ยังไม่ได้ใช้ชื่อรุ่นว่า Stan Smith จนกระทั่งปี 1971 นักเทนนิสที่คว้าแชมป์ Masters Grand Prix ใส่อดิดาสรุ่นนี้ จากนั้นจึงมีการเปลี่ยนชื่อรองเท้ารุ่นนี้ใหม่ตามชื่อแชมป์เทนนิส จึงกลายเป็น Stan Smith ซึ่งเป็นไลน์หนึ่งในรองเท้าอดิดาสที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

485389_10150821048053888_348211050_n

13.  Tokio 64 สนีกเกอร์สำหรับวิ่งน้ำหนักเบารุ่นแรกของ Adidas ที่มีน้ำหนักเพียง 135 g.

529742_10150818160238888_355111182_n-2

14.  กำเนิดรองเท้า Adidas รุ่น 2  ที่มีการใช้ toe-cap มาหุ้มบริเวณหัวรองเท้า Pro Model คือรองเท้ารุ่นที่แปลกตาด้วยดีไซน์รองเท้ากีฬาหุ้มข้อเท้า ออกวางขายได้ไม่นานรองเท้ารุ่นนี้ก็กลายเป็น iconic ของรองเท้าบาสเก็ตบอลที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

471400_10150817972543888_550134006_o

15.  รองเท้ารุ่นยอดนิยมที่มีความคลาสิคฮอตฮิตมาอย่างยาวนาน ถือกำเนิดขึ้นในปี 1969 “The Superstar” เป็นรองเท้าสนีกเกอร์ที่มีดีไซน์ดั้งเดิมสำหรับการเล่นบาสเก็ตบอล  โด่งดังจากการเป็นรองเท้ารุ่นยอดนิยมของเหล่านักกีฬาและเซเลบริตี้ชื่อดัง

540459_10150815734893888_1018602991_n

16.  รองเท้าเทนนิสอีกตัวที่ตั้งชื่อรุ่นตามแชมป์เทนนิสอย่าง Rod Laver  แต่ดีไซน์ของรุ่นนี้จะมีจุดทีแปลกจากความเป็นอดิดาส ตรงด้านข้างของตัวรองเท้าจะไม่มีสามแถบที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์

412474_10150821113393888_1244042229_o

 

17.  รองเท้ารุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยผลิตในปี 1984 คือ Adidas Micropacer

r69w0y3m1runzkarnjwe

 

18.  สัญลักษณ์แถบสามแถบที่ทำให้คนจดจำ Adidas ได้เป็นอย่างดี ถูกดีไซน์ขึ้นเพื่อ function ไม่ใช่ style โดยทำขึ้นมาเพื่อให้ด้านข้างของรองเท้ามีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

mvgak3dmmo3auj4mfisk

19.  แม้ Adidas จะเป็นแบรนด์รองเท้ากีฬาที่โด่งดัง แต่ 60 ปีแรกของอดิดาสยังเป็นคงแบรนด์ที่ไม่มีโลโก้ที่ชัดเจน  ต่อมาโลโก้ The Trefoil ถูกดีไซน์และประกาศใช้อย่างเป็นทางการในงาน Munich Olympics เมื่อปี 1972

9(3)

 

 

20.  Adidas เคยชนะคดีฟ้องร้องกับ Payless ในกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ได้เงินไป 305 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11,093 ล้านบาท

11(2).jpg

 

21.  Adidas รุ่น  Stan Smith ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่น Superstar โดยการันตีจากยอดขาย

22.  Michael Jordan เคยเกือบจะได้เซ็นสัญญากับ Adidas เพราะเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าชอบใส่อดิดาสมาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่ดันกลายเป็น Nike ที่ได้ตัวไป

JordanThreeStripes

 

23.  ในช่วงปี 90s Adidas Superstar  ได้รับความนิยมในการใส่เล่นสเก็ตบอร์ดเป็นอย่างมาก ต่อมาอดิดาสจึงพัฒนารองเท้ารุ่น Adidas Sketeboarding

adidas

 

24.  Mark Spitz นักกีฬาว่ายน้ำชื่อดังผู้กวาดเหรียญทองในโอลิมปิคปี 1972  ได้สร้างปรากฎการณ์บางอย่างให้ Adidas  ก่อนที่เขาจะขึ้นไปรับเหรียญในการแข่งขัน Horst Dassler ลูกชายของ Adi Dassler ได้ขอให้เขาสวมรองเท้าของอดิดาสขึ้นไปรับเหรียญด้วย  Mark Spitz  ไม่ยอมสวม แต่กลับหยิบรองเท้าอดิดาสชูขึ้นบนเวที โดยให้เหตุผลกับ Horst Dassler ว่า ถ้าให้สวมคนจะมองเห็นรองเท้าไม่ชัด และกล้องคงไม่จับภาพมาที่เท้าเขาแน่นอน ส่วนรองเท้ารุ่นนั้นคือ Adidas Gazelles

ImageFilter v6.3ÿmark-spitz

 

25.  รองเท้าแตะ Adidas ถูกผลิตขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักฟุตบอลเยอรมันใส่กันลื่นล้มในห้องน้ำ

31

26.  Three-Bar Logo ที่เป็นเครื่องหมายการค้าสุดคลาสสิคของ Adidas  ถูกดีไซน์โดย Peter Moore อดีตดีไซน์เนอร์ผู้มีส่วนร่วมในการออกแบบ Nike Air Jordan 1  ซึ่งหลังจากออกจากไนกี้ เขาได้เข้ามาทำงานกับอดิดาสอย่างเต็มตัว และมีส่วนสำคัญในการร่วมออกแบบรองเท้าอดิดาสหลายๆรุ่น

32(3)

27.  แต่อันที่จริงแล้วสัญลักษณ์สามขีดของ Adidas มีผู้ใช้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วคือบริษัท Karhu ซึ่งอดิดาสต้องไปซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัทดังกล่าวมา เพื่อจะสามารถใช้สัญลักษณ์นั้นได้อย่างถูกต้อง

33

28.  หลังจากทีมบาสเก็ตบอล Celtics ที่อดิดาสเป็นสปอนเซอร์ ได้แชมป์ใน NBA 2008 นาย Kevin Garnett ผู้เล่นในทีมได้ตะโกนออกมาว่า “Anything is posssssible!” ซึ่งอันที่จริงแบรนด์สโลแกนของอดิดาสคือ “Impossible is nothing.” คำที่นาย Garnett ตะโกนออกมาเป็นแบรนด์สโลแกนของ Li-Ning Co. ซึ่งเป็นคู่แข่งอดิดาส

45

 

 

29.  Adidas Adicolor รองเท้าสีขาวล้วนที่ถูกผลิตในปี 1985 มาพร้อมกับปากกาสีสำหรับเพ้นท์รองเท้า เพื่อให้ผู้สวมใส่ออกแบบลวดลายของตัวเองลงบนรองเท้า ซึ่งมีคู่เดียวในโลก

50

 

30.  Adidas, Reebok  และ Taylor-Made ทั้งสามแบรนด์อยู่ภายใต้การบริหารของ Adidas Group

14238381903309983000o

 

 

Source: Forbes
Source: Bloomberg
Source: Adidas Group
Source: Adidas

 


  • 559
  •  
  •  
  •  
  •