หลังจากเมื่อวานเราพูดถึงการสำรวจของ Trendwatching ที่กล่าวถึง 5 เทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ในปี 2013 ไปแล้ว วันนี้ขอต่อเทรนด์ที่ 6-10 กันเลย
6.Celebration Nation: เมื่อคนเริ่มหันมาหาแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีวัฒนธรรมเก๋ๆ ตามแบบฉบับของแบรนด์ท้องถิ่นของแต่ละประเทศแล้ว แบรนด์เหล่านั้นก็พร้อมที่จะประกาศตัวตนบนเวทีโลก เช่น แบรนด์ NE.Tiger แบรนด์เสื้อผ้าผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว
7. Data Myning: ลูกค้ารุ่นใหม่ชื่นชอบที่บริษัทต่างๆ สามารถสร้างสรรค์บริการต่างๆ ที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของเรา และการที่จะเข้าใจผู้บริโภคแบบลึกๆ ได้ แบรนด์เหล่านั้นจำเป็นต้องเจาะไปที่ข้อมูลของผู้บริโภค ซึ่งวันนี้แต่ละคนเป็นผู้สร้างข้อมูลมหาศาลให้กับแบรนด์ เช่น การคลิก Like บอกรสนิยม การโพสต์ #hastag ต่างๆ แสดงถึงความสนใจในเรื่องนั้นๆ เป็นต้น
8. Again Made More: เพราะคนเริ่มรู้สึกเฟือกับสินค้าปะหน้า Made in China ดังนั้นหลายบริษัทเริ่มหาความแตกต่างใหม่สำหรับสินค้าเฉพาะกลุ่ม ด้วยการย้ายฐานการผลิตจากประเทศโลกที่ 3 มาผลิตยังต้นกำเนิดสินค้า เพื่อการันตีคุณภาพ และถึงแม้ผลิตมาไม่มาก และขายในราคาถูก แต่การปะหน้าว่าจักรยานคันนี้ Made in France ก็ทำให้ได้ใจผู้ซื้อไปเต็มๆ และล่าสุดทางแอปเปิลก็ประกาศจะนำแมคบุ๊กกลับไปผลิตยังบ้านเกิด ณ อเมริกาอีกด้วย
9. Full Frontal: แบรนด์ชอบที่ตัวเองซื่อสัตย์ต่อลูกค้า แต่การบอกว่าตัวเองโปร่งใสจากราคาหุ้นที่สูงๆ ยังไม่พอ มีึความจำเป็นจะต้องบอกรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนการผลิต ส่วนประกอบที่ใช้ อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อพิชิตใจผู้บริโภคที่นับวันจะมีความต้องการที่ “อย่างเยอะ” ขึ้นทุกวัน
10. Demanding Brangs: เมื่อผู้บริโภคชื่นชอบที่แบรนด์เปิดเผยข้อมูลจริงกับลูกค้า และเพื่อย้ำชัดถึงความจริงใจและการโปรโมทแบรนด์ในเชิง CSR หลายแบรนด์เริ่มทำแคมเปญสาธารณะด้วยสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ห่วงใยสังคม เช่น โครงการบริจาคเลือดเพื่อการกุศล ที่ประกาศจำนวนโลหิตที่ต้องการ และเชิญลูกค้ามาร่วมบริจาคด้วย เป็นต้น
ลองดูว่าทั้ง 10 เทรนด์นี้ เทรนด์ไหน ที่ใช่ตัวคุณจริงบ้างๆ ?
