ถึงแม้มนุษย์อยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดของความสร้างสรรค์มากแค่ไหน ทว่าด้วยข้อจำกัดทางร่างกายที่เหนี่ยวรั้งไว้ คงทำให้บางครั้งต้องอึดอัดใจเพราะรู้สึกว่ายังไปไม่สุดซักที แต่ในโลกแห่งอนาคตที่มีเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นตัวขับเคลื่อน เราอาจได้เห็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เพียงชั่วข้ามคืน
Ray Dalio ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ใหญ่สุดในโลก ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี Generative AI อย่าง ChatGPT โดยฉายภาพให้เห็นว่าอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า “โลกใบใหม่จะมีหน้าตาไม่เหมือนทุกวันนี้อย่างแน่นอน” และมันจะมาด้วยความเร็วแสง เปรียบได้ดังการวาร์ปข้ามห้วงเวลา ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย หากสิ่งนี้จะส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย
อนาคตที่อาจมีหน้าตาแปลกใหม่โดยสิ้นเชิง ในฐานะแบรนด์ที่ต้องปรับตัวตามผู้บริโภค สิ่งไหนจะดีกว่ากันระหว่างถูกรั้งท้าย หรือเตรียมตัวตักตวงโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังมา?
ซุปเปอร์ชาร์จความสร้างสรรค์ให้แบรนด์ด้วยเทคโนโลยี AI
เป็นอีกปีที่ทาง Marketing Oops! ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Cannes Lions ที่ประเทศฝรั่งเศส และโชคดีมากที่หนึ่งใน Session ได้นำ Brad Lightcap ตำแหน่ง Chief Operating Officer ของบริษัท OpenAI เจ้าของ ChatGPT มาพูดคุยในหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้:
– อนาคตของ AI และความสร้างสรรค์จะเป็นอย่างไร?
– ChatGPT จะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูต่อความสร้างสรรค์ของมนุษย์?
– แบรนด์และเอเยนซีจะร่วมมือกับ AI อย่างไรเพื่อบูสความสร้างสรรค์?
คุณ Brad ย้ำว่าเครื่องมือ AI จากทาง OpenAI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT หรือ DALL·E เป็นพันธมิตรอันทรงพลัง ที่สามารถ “ซุปเปอร์ชาร์จ” ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมได้ เครื่องมือเหล่านี้จะเปิดช่องทางใหม่ ๆ สำหรับแบรนด์ในการทำงานร่วมกันและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อปูเส้นทางสู่ยุคใหม่แห่งความสร้างสรรค์ในฉบับ “ปรับปรุง” ที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
เขาย้ำว่า “ตอนนี้ความสามารถในการหลอมรวมความรู้และวิชาจากแขนงต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้รับการปรับปรุงอย่างมาก” ซึ่งการหลอมรวมของความรู้และวิชาจากหลากหลายแขนง เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอย่างมากที่ทำให้ความคิดสร้างสรรค์มีประสิทธิภาพสูง และในเวลานี้คงไม่พ้น AI ที่สามารถช่วยสำรวจความเป็นไปได้ต่าง ๆ ด้วยทรัพยากรที่น้อยลง แต่สามารถนำไปสู่ผลงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ซึ่งจะทำให้แบรนด์ต่าง ๆ มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดแห่งอนาคต
ไม่ต้องกังวล AI ไม่ได้มาขโมยงานใคร
แต่แน่นอนล่ะ เครื่องมือ AI ทำได้ขนาดนี้ก็ต้องมีแอบกังวลใจกันบ้าง เพราะเชื่อเลยว่าหลายคนคงแวบคิด “AI ทำได้ขนาดนี้ จะทำให้เราตกงานมั้ยเนี่ย?” ซึ่งคุณ Brad ตอบว่า มีแนวโน้มสูงมากที่บริบทการทำงานจะเปลี่ยนไป แต่ไม่ต้องห่วง มันไม่ได้มาเพื่อขโมยงานของคุณ เพราะเช่นเดียวกับ ‘คอมพิวเตอร์’ ‘CGI’ และ ‘รูปแบบการทำแอนิเมชันขั้นสูง’ ที่ได้เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (creative industry) AI จะเป็นอีกเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ ภายในกล่องเครื่องมือแห่งความสร้างสรรค์อันหลากหลายของพวกเราทุกคน
การปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่อาจน่าอึดอัดใจอยู่บ้างสำหรับหลายคน แต่อย่าลืมว่าศักยภาพในการบูสความสร้างสรรค์นั้นมีมากมายมหาศาล
ดังนั้นมองไปอนาคตข้างหน้า คุณ Brad บอกว่าพวกเขาตื่นเต้นกับอนาคตของ AI และกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงโมเดล เช่น การทำให้ Input data (ข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไป) กระจายตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมกับทำให้เทคโนโลยีมีราคาที่เข้าถึงง่าย แต่คุณภาพไม่ลดลง ในส่วนของแบรนด์ อนาคตอาจได้เห็นการสร้างประสบการณ์ที่เป็น personal experience ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง AI จะมีบทบาทในการช่วยได้อย่างดี
โลกนี้จะถูกทำลายด้วย AI?
คำถามใหญ่ในระดับมนุษยชาติที่ดูจะเป็นประเด็นร้อน คงไม่พ้นความกลัวว่า AI จะทำลายโลก แต่ทางกลับกัน บางคนก็เชื่อว่ามันสามารถเป็นผู้กอบกู้โลกได้ ซึ่งท้ายสุดแล้ว กุญแจสำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยความรับผิดชอบ พร้อมทำให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีมีขอบเขตตรงจุดไหน และเมื่อจำเป็น ก็สามารถตรวจสอบด้วยมนุษย์ได้ทุกเมื่อ
หากทำถูกวิธี AI สามารถช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนต่าง ๆ ของโลกใบนี้ได้ ตั้งแต่การรักษามะเร็งไปจนถึงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ระบบภายใต้ของ AI เหล่านี้ เป็นตัวแทนของความรู้ที่มนุษย์มี ฉะนั้นแล้วศักยภาพขในการเพิ่มพลังให้กับโลกนั้นมีมหาศาล
การถือกำเนิดของ AI ไม่ใช่แค่การปฏิวัติทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นโอกาสทองสำหรับธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ ในการเพิ่มศักยภาพและลดขีดจำกัดของความสร้างสรรค์พร้อมกับคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่นนั้นแล้ว หากดำเนินไปอย่างรอบคอบ เครื่องมือชิ้นนี้จะเป็นเครื่องมืออันทรงพลังได้อย่างแน่นอน และผลลัพธ์คือความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด!
